แม้จะจีนจะได้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก Covid-19 แต่ความต้องการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของจีนไม่ได้ลดลงมากนัก และยังดึงดูดแบรนด์สินค้าชั้นนำจากฮ่องกงให้มาเปิดร้านค้าในจีน ส่วนหนึ่งมาจากการประท้วงที่ยาวนานในฮ่องกง
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ความต้องการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของจีนไม่ได้ลดลงมากนัก โดยนักช้อปแบรนด์หรูชาวจีนใช้เงินในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยคิดเป็นสัดส่วน 35% จากเม็ด 281 พันล้านยูโร หรือ 317 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเกิดแพร่ระบาด Covid-19 ทำให้คนจีนหลายคนมีโอกาสหันมาช้อปปิ้งภายในประเทศตนเองแทน
นั่นคือสิ่งทีทำให้แบรนด์หรูต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์การตลาด เนื่องจากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา สัดส่วนการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยระดับโลกของจีน เพิ่มขึ้นเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง โดยแบ่งออก เป็นเท่าๆ กันระหว่างตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่ฮ่องกง หนึ่งในเดสติเนชั่นแหล่งช้อปปิ้งของชาวจีน แต่เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบ จากการประท้วงอย่างรุนแรง และปีนี้ต้องเผชิญกับปัญหาการล็อคดาวน์เมือง แต่ละประเทศยังไม่เปิดให้เดินทางข้ามพรมแดน ทำให้แบรนด์หรูกำลังพิจารณาปิดร้านค้าในฮ่องกง และวางแผนการขยายธุรกิจที่ประเทศไทย ทั้งการเปิดร้านค้าและขายผ่านทางออนไลน์
นโยบายของรัฐบาลได้ออกมาตรการ ที่ ปักกิ่ง เปิด tax-free shopping สำหรับสินค้าแบรนด์หรู ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้นักช้อปซื้อสินค้าปลอดภาษีลดลงจาก 100,000 หยวน ($ 14,285) เหลือจาก 30,000 หยวน เป็นต้น
นักวิเคราะห์การท่องเที่ยวของ UBS Securities ประเทศจีนเฉินซินคาดว่าการใช้จ่ายบนเกาะเขตร้อนจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้วเป็น 28 พันล้านหยวนในปีนี้ การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ น่าจะมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และเพิ่มขึ้นเป็น 38 พันล้านหยวนในปีหน้า
แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของจีนจะได้รับผลกระทบ ผู้บริโภคของประเทศยังคงปรารถนาที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรูหรา สำหรับเครื่องสำอางที่ต้องซื้อเมื่อหมดแล้ว โดยเฉพาะแบรนด์ดังทั้งในยุโรปและอเมริกา
