อิสรภาพที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่อิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่การได้มาซึ่งความรักอันสวยงาม ไม่ใช่การได้มาซึ่งการงานที่ตนปรารถนา เหล่านี้เป็นเพียงความปลอดโปร่งในชีวิตเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ใช่อิสรภาพที่แท้จริง เรายังอยู่ในกรง เพียงแต่เป็นกรงที่กว้างขวางกว่าเดิมเท่านั้น
อิสรภาพที่แท้จริงนั้นเกิดจากการที่มนุษย์ฝึกฝนตนเองให้มีใจอยู่เหนือโลกธรรมทั้งแปด โลกธรรมแปดหมายถึงสิ่งธรรมดาแปดประการที่เราต้องพบเจอในชีวิต
มีสิ่งที่เรายินดี ๔ อย่าง และสิ่งที่เราไม่ยินดี ๔ อย่าง
สิ่งที่เรายินดีได้แก่ ลาภ ยศ คำสรรเสริญ และความสุข สิ่งที่เราไม่ยินดีได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ได้รับคำตำหนิ และได้รับความทุกข์
ตราบใดที่เราต้องการด้านหนึ่ง เราก็ไม่อาจปฏิเสธอีกด้านหนึ่ง เพราะสองด้านเป็นสิ่งที่มาคู่กันเสมอ เมื่อมีสายลมย่อมมีความเย็น ผู้ใดจะเอาแต่ความเย็นโดยไร้สายลมนั้นเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราเป็นมนุษย์ผู้ยินดีในคำชื่นชม เราย่อมเป็นมนุษย์ผู้หวั่นไหวในคำนินทา เมื่อเราเป็นมนุษย์ผู้ต้องการความเป็นคนสำคัญ เราย่อมเป็นมนุษย์ผู้ทุกข์ทนในความเป็นคนธรรมดา
แม้เราเป็นมนุษย์ผู้ต้องการความสุข เราก็ย่อมเป็นมนุษย์ผู้ได้รับความทุกข์เป็นของแถมโดยธรรมชาติ นี่คือกฎแห่งความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ มนุษย์ถูกพันธนาการมาเนินมาด้วยกลลวงแห่งโลกธรรมแปด อิสรภาพที่แท้จริงไม่อาจเกิดขึ้น ตราบที่มนุษย์คนหนึ่ง ยังวิ่งเล่นอยู่ในเกมแห่งโลกธรรมแปดประการ
แม้มีผู้ใดปรารถนาเรียกร้องอิสรภาพแห่งชีวิต จงฝึกฝนตนเองให้มองเห็นความเท่าเทียมของการได้มาและเสียไป ความเท่าเทียมของคำชื่นชมและคำนินทา ความเท่าเทียมของความตกต่ำและความรุ่งเรือง ความเท่าเทียมของความสุข และความทุกข์
เมื่อใจเกิดปัญญามองเห็นความธรรมดา ยอมรับและยุติการตีความ ตั้งค่า ให้ราคา เมื่อนั้นโซ่ตรวนโลกธรรมแปดย่อมขาดสะบั้นไม่เหลือซาก เมื่อนั้นอิสรภาพที่แท้จริงจึงผุดพรายขึ้นในจิตใจ กลายเป็นผู้ไม่หวั่นไหวต่อความรวยหรือความจน ไม่หวั่นไหวในความรู้สึกนึกคิดของใคร มองเห็นความเท่าเทียมของทุกข์สุขตามความเป็นจริง ไม่โหยหาที่จะวิ่งตามโลก ไม่โหยหาที่จะปรับเปลี่ยนโลก เป็นผู้อยู่เหนือโลก
อยู่ร่วมกับโลกแต่โลกไม่อาจแตะต้อง ภาวะนี้เท่านั้น คือความหมายที่แท้จริง
ของคำว่า "อิสรภาพแห่งจิตวิญญาณ"