จากกรณีเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 62 เวลาประมาณ 21.30 น. ตำรวจ สภ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตาย ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 10 บ้านเขว้า ต.กระเบื้องนอก อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างของบ้านพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ชื่อนายทองอัน พิมพ์ใสอายุ 73 ปี สภาพศพบริเวณลำคอมีแผลลึกจากของมีคม นอนเสียชีวิตจมกองเลือดในที่เกิดเหตุ และห่างออกไปเล็กน้อยพบนางทาสี พิมพ์ใสอายุ 72 ปี ภรรยานายทองอัน สภาพถูกของมีคมแทงเข้าบริเวณลำคอและลำตัวหลายแห่ง เลือดไหลนองพื้นหายใจรวยรินอาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายวินัส หรือ รุต พิมพ์ใส อายุ 43 ปี ลูกชายของผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุใช้มีดปาดคอผู้เป็นพ่อแม่จนเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุนายวินัสได้หลบหนีไป
จากการสอบปากคำทราบว่า ผู้ต้องหาได้ไปนั่งดื่มเหล้าขาวจนหมดขวด หลังจากนั้นกลับมาบ้านก็มีปากเสียงกันกับผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะก่อเหตุใช้มีฟันผู้เป็นพ่อ ส่วนผู้เป็นแม่ได้เข้ามาห้ามปราม ก่อนที่จะถูกใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิตไปด้วย
ความคืบหน้าวันที่ 18 มิ.ย. 62 พ.ต.อ. สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผู้กำกับการ สภ.เมืองยาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายวีนัส ผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำ หลังจากจับกุมตัวได้แล้ว โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพในเบื้องต้นว่าได้ลงมือก่อเหตุฆ่าพ่อกับแม่จริง แต่ไม่ยอมบอกสาเหตุของการลงมือในครั้งนี้
ขณะที่งานศพจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในบ้าน มีโลงศพสองโลงตั้งคู่กันกลางบ้าน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยนายสุลักษ์ พิมใส วัย 39 ปี น้องชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เมื่อ 3-4 ปีก่อน พี่ชายเคยขู่ว่าจะฆ่าทุกคนในบ้าน ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ และเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วก็เคยก่อเหตุแทงตนกว่า 73 แผล แต่รอดมาได้ ซึ่งพี่ชายทำด้วยอาการเมา และเคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด แต่พักหลังไม่เห็นแล้ว ปกติไม่สนิทกับใครในบ้านเลย เพื่อนนอกบ้านก็ไม่ค่อยมี
ยอมรับว่าพี่ชายมีปากเสียงกับพ่อแม่บ้าง แต่พ่อแม่ก็ด่าลูกทุกคนปกติอยู่แล้ว ในเช้าวันเกิดเหตุก็ยังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ พอตนออกไปหาปลา กลับมาก็เห็นพ่อแม่เป็นศพแล้ว ทำอะไรไม่ถูก ส่วนตัวอยากให้ประหารไปเลย เพราะทำกับพ่อกับแม่ได้ขนาดนี้ ภาพกองเลือดพ่อแม่ เสียงตอนแม่ร้องด้วยความเจ็บยังติดอยู่ในใจ และยืนยันว่าไม่อโหสิกรรมให้แน่นอน
ด้านนายชาลี ว่องไว อายุ 63 ปี ชาวบ้าน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนได้ยินเสียงแม่ของผู้ต้องหาร้องตะโกนว่า “อย่าทำๆ” ร้องขอชีวิตอยู่สักพักเสียงก็เงียบไป แต่ขณะที่ได้ยินเสียงตนและชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครกล้าออกมาช่วยเหลือ เพราะก็พอจะทราบว่านายรุตมักจะใช้อาวุธทำร้ายผู้อื่นอยู่เสมอ พอสิ้นเสียงได้สักพักตนจึงรีบวิ่งออกมาดูที่บ้านที่เกิดเหตุ สวนทางกับนายรุตที่เดินถือมีดออกไป จึงร้องถามว่า “จะไปไหน” นายรุจจึงตอบกลับมาว่า “จะขอไปตามทาง ไปตามยถากรรม” แล้วก็เดินหนีไป
ตนก็รีบวิ่งมาดูในบ้านพบศพพ่อของผู้ต้องหานอนจมกองเลือดอยู่ ส่วนแม่นอนหายใจรวยรินตนจึงเข้าไปจับชีพจรได้สักพักก็เสียชีวิตลง ยอมรับว่าตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็เห็นเพียงแต่ถืออาวุธไปมา หรือทำร้ายร่างกายคนอื่นในครอบครัวเท่านั้น ไม่คิดว่าจะถึงขั้นฆ่าแกงกันแบบนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยนายรุตเคยบวชและไปดื่มเหล้าภายในวัด อีกทั้งเคยก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันบริเวณศีรษะของเจ้าอาวาสจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว
https://youtu.be/1WvkA_qpmi0