แฉขบวนการต้านยุบ อนค. "สมชาย" ซัด อจ.-เอ็นจีโอ ร่วมแคมเปญ

2 ส.ว.เดือดแฉขบวนการต้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ข้องใจเอ็นจีโอดังทิ้งอุดมคติลงชื่อป้องอนค. ซัดปลุกขัดแย้งไปทั่วเหมือนรู้ชะตากรรม ปลุกแคมเปญให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ ด้านสมาชิกอนค.ขู่ลุกฮือทั่วประเทศ ส่วน "ปชป." อัดยับอย่ากดดันศาลด้วยวิธีปลุกคนต้าน

อ่านข่าว นับถอยหลัง 21 ก.พ.นัดชี้ชะตา ยุบอนาคตใหม่?

อ่านข่าว ไม่จบแค่ยุบพรรค ! อนาคตใหม่ จองกฐินฟ้องกกต.

ยังคงเดินเกมเล่นนอกสภาสำหรับพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังต่อสู้อย่างหนักในคดียุบพรรคกรณีกู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ โดนล่าสุดมีภาคประชาชนล่าชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ผ่านทาง Chang.org ขณะเดียวกันบรรดาสมาชิกพรรคทั่วประเทศเดินหน้ากดดันที่จะฟ้อง กกต. หากศาลมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่

ข้องใจอ็นจีโอตงฉินหันเทใจอนค.

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายสมชาย แสวงการ มาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแฟนเพจสมชาย แสวงการ แสดงความเห็นกรณีมีภาคประชาชนล่าชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าทันทีที่เห็น "ช่อ" พรรณิการ์ อ้าปากขอบคุณอาจารย์ชาญวิทย์ ในฐานะผู้เริ่มแคมเปญคัดค้านยุบอนาคตใหม่

และขอบคุณทุกรายชื่อที่มาร่วมแสดงพลัง พิสูจน์ว่าพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดโดยประชาชน มีประชาชนเป็นเจ้าของ" นั้น ก็ต้องรีบตรวจดูรายชื่อในแพลตฟอร์ม Chang.org ที่เคยชื่นชมและร่วมลงชื่อสนับสนุนในบางกรณีพร้อมความแปลกใจอย่างน้อย 2 ประการ และไม่แปลกใจ 2 ประการคือ

ประการที่ 1 แพลตฟอร์มที่เคยมีผลงานรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ในหลายเรื่องให้สังคม อาทิ การรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือการช่วยเป็นปากเสียงแห่งการต่อสู้ให้ภาคประชาสังคม ได้กลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองแบบเลือกข้างๆ คูๆ ได้อย่างไร ได้แต่บอกว่าเศร้าใจและหมดสิ้นศรัทธาทันที ประการที่ 2 คือเห็นพี่น้องเพื่อนพ้องเอ็นจีโอบางส่วนที่เชื่อว่าเคยมีบทบาทการร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนอย่างไม่เอียงข้างไม่ฝักใฝ่การเมือง

อาทิ คนที่ต่อสู้เรื่องน้ำเรื่องป่าเรื่องประมง หรือแม้แต่คนที่ต่อสู้เรื่องสิทธิพลเมืองบางคนต่อสู้เรื่องสมานฉันท์ปรองดองบางคน แม้บางคนเคยเป็นกรรมการองค์กรอิสระเรื่องสิทธิมนุษยชนและคอป. เคยต่อสู้กับระบอบชั่วร้ายมานานกลับเข้าร่วมโยนอุดมคติใส่ลิ้นชัก เข้าชื่อกดดันเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่

แฮชแท็กให้กำลังใจศาลรธน.

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ก่อนถึงบ่ายวันที่ 21 กุมภาพันธ์นั้น ไม่มีใครทราบได้หรอกว่าศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านจะมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ ซึ่งเราทุกคนควรจะใช้สิทธิพลเมืองอย่างมีคุณค่าเหมือนที่พวกคุณพร่ำสอนประชาชน แทนการล่ารายชื่อกดดันมองดูแล้วคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่หลายคนหลงผิดชูกระแสช่วยนายทักษิณ ชินวัตร คดีโอนหุ้นให้ลูกที่ระดมโหมชูธงกระหน่ำความเห็นกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยกความผิดนั้นให้นายทักษิณ

หลายคนที่ร่วมลงชื่อวันนี้ก็เคยเป็นกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงและสร้างความปรองดอง (คอป.) ที่เคยระบุสาเหตุวิกฤติความขัดแย้งในชาตินั้นเกิดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญคดีนั้น วันนี้ท่านเหล่านั้นกลับกลืนน้ำลายและทำในสิ่งตรงข้ามและอาจสร้างปัญหาวิกฤติชาติอีกรอบได้อย่างไร

"วันนี้โผล่หน้าออกหน้ากันชัดเจนว่าใครเป็นใครก็ดีแล้ว เวลาเกิดวิกฤติจะได้ไม่ชี้ผิดตัว ไม่แปลกใจคือการเดินเกมของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนถึงวันพิพากษาที่จะใช้มวลชนมวลสมาชิกและผู้สนับสนุนทั้งหมดออกแรงกดดันคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นพี่ในระบอบทักษิณและการขับเคลื่อนมวลชนแบบ นปช.เพียงแต่เป็นคนละวัย จึงปลุกใจได้คนละแบบเชื่อเถอะว่าหากเราช่วยกันให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

ปล่อยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ท่านทำหน้าที่ตรงไปตรงมา พิจารณาคดีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามที่กกต.ร้องมาแล้ว เราจะได้เห็นความยุติธรรมตรงไปตรงมาตามหลังนิติรัฐนิติธรรมแน่นอน ผมจึงไม่เห็นด้วยต่อกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ล่ารายชื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับที่เกิดในอดีตที่ทำในคดีทักษิณและแบบแกนนำ นปช.หารายชื่อไปกดดันถวายฎีกา หยุดเถอะครับอย่าเริ่มสร้างวิกฤติการเมืองอีกเลย ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย" นายเสรี กล่าว

'เสรี'ซัดพวกหัวหมอปลุกขัดแย้งไปทั่ว

วันเดียวกัน นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดียุบพรรคอนาคตใหม่ มีเนื้อหาดังนี้ การต่อสู้ทางการเมืองในเฮือกสุดท้าย เหมือนรู้ชะตาตัวเองว่าผลของศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นใด การต่อสู้ในช่วงสุดท้าย คือการให้คู่ต่อสู้ตายตกไปตามกัน การใช้กฎหมายที่เอาเปรียบคนอื่นเป็นวิถีทางที่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการกระทำความผิด แต่เพื่อชัยชนะจึงไม่คำนึงถึงวิธีใช้

นายเสรี กล่าวต่อว่า การได้มาซึ่งรายได้ตามกฎหมายพรรคการเมืองต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานการได้มา ซึ่งรายได้ของพรรคการเมืองจะนําไปใช้เพื่อการอื่นใด นอกจากการดําเนินงานของพรรคการเมืองมิได้ การที่พรรคการเมืองกู้เงินจากหัวหน้าพรรคย่อมเป็นรายได้ของพรรคการเมืองแต่มิใช่รายได้ของพรรคการเมืองตามที่กฎหมาย ส่วนคนที่หัวหมอก็จะตีความไปในทางที่ว่าเงินกู้ไม่เป็นรายได้ของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นการตีความไปในแนวทางที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นความผิด นี่คือหลักการควบคุมรายได้ของพรรคการเมือง

เตือนอย่ากดดันศาลหวั่นเกิดกลียุค

นายเสรี กล่าวีอกว่า ดังนั้นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจึงต่อสู้แบบเอาพรรคเข้าแลก โดยการสร้างความขัดแย้งไปทั่ว ตั้งแต่โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในทุกเรื่องทุกประเด็นที่ตนเองเสียประโยชน์เพื่อจะเป็นข้ออ้างว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องยุบพรรคนั้นเกิดจากการไปขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมิได้ไปขัดแย้งด้วยเลย สร้างวาทกรรมว่ารัฐบาลปัจจุบันมาจากการสืบทอดอำนาจเพื่อให้สาธารณชนเกิดความรู้สึกว่าที่จะถูกยุบพรรคเพราะไปขัดแย้งกับรัฐบาล ฮอตสุดๆ ขณะนี้ สร้างประเด็นความขัดแย้งกับทหาร โดยสร้างประเด็นการ "ปฏิรูปกองทัพ" เพื่อให้สาธารณชนเกิดความรู้สึกว่าที่จะถูกยุบพรรคเป็นเพราะจะไป "ปฏิรูปกองทัพ"

"ขณะนี้เป็นเวลาที่ใกล้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในเรื่องของการกู้เงินของพรรคการเมือง ก็เกิดปฏิกิริยา สร้างม็อบ จัดเวที สร้างกลุ่มให้ประชาชนออกมาสนับสนุน เพื่อเรียกร้องหาความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ปัญหาทั้งหลายตนเองเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งการสร้างประเด็นให้เป็นความขัดแย้งทั้งหลายข้างต้นนี้แสดงให้เห็นเป็นสัญญาณได้ว่า "รู้ชะตากรรม" ของตนเองว่าเป็นเช่นใด จึงได้ใช้วิธีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะบอกว่า "ถูกกลั่นแกล้ง" ซึ่งความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น

ช่วงนี้สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการสร้างความขัดแย้งให้มากเข้าไว้ เพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินในเวลาอันใกล้ว่า "จะถูกยุบพรรค" หรือไม่ คงต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นใด ศาลทุกศาล รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตัดสินคดีความไปตามกฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะกดดันศาลในการตัดสินคดีมิฉะนั้นจะกลายเป็นกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ในที่สุดก็จะตัดสินกันเอง ไม่เคารพกฎหมาย บ้านเมืองกลียุค อันจะทำให้บ้านเมืองอยู่ไม่ได้

สมาชิกอนค.ขู่ลุกฮือทั่วประเทศ

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จ.ปทุมธานี ตัวแทนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่จากทั่วประเทศ นัดหารือเพื่อลงความเห็นในการที่จะฟ้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ​เป็นรายบุคคลในฐานะสมาชิก​ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมติของสมาชิกในที่ประชุมออกมาเป็นเอกฉันท์​ยืนยันที่จะฟ้อง กกต. หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยวาระการนัดหารือสืบเนื่องจากการที่กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ และศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563

นางพยอม สมประสงค์​ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ปทุมธานี​ กล่าวว่า การที่มารวมตัวกันในวันนี้เกิดจากความพร้อมทางความคิดของแต่ละบุคคล พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองของประชาชน เริ่มต้นจากการที่เราจ่ายค่าสมาชิก 200 บาทต่อปี หรือ 2,000 บาทตลอดชีพ พรรคก่อตั้งโดยสมาชิก ไม่ได้ก่อตั้งโดยนายทุน สมาชิกทั้งหมดร่วมกันเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ซึ่งเรารู้สึกยอมไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนเพียงไม่กี่คนที่จะตัดสินยื่นยุบพรรค จำเป็นต้องรักษาสิทธิ์​ในฐานะสมาชิกที่เป็นเจ้าของพรรค ในการฟ้องกกต. หากศาลรัฐธรรมนูญ​ตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่

ลั่นฟ้องกกต.หากอนค.ถูกยุบ

"เมื่อเรารู้สึกยอมไม่ได้ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่จากทั่วประเทศไประสานผ่านศูนย์ประงานทั้ง 77 จังหวัด​ ในการเคลื่อนไหวเพื่อชี้ให้เห็นว่าเผด็จการไม่สามารถล้มล้างประชาธิปไตย​ได้ เมื่อประชาชนยืนหยัด 6 หมื่นกว่าคนที่เป็นสมาชิกและอีกกว่า 6 ล้านเสียงที่เลือกพรรคอนาคตใหม่เข้าสภา จะไม่ยอมจำนนโดยเด็ดขาด หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น" นางพยอม กล่าว

ด้านนายพร้อมสิน บุญจันทร์ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าการยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นการกลั่นแกล้ง​ทางการเมือง​อย่างชัดเจน หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นจริง แม้เราไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์​ศาลรัฐธรรมนูญ​ได้ แต่เรามีสิทธิ์​ที่จะปกป้องพรรคในฐานะ​ที่เป็นสมาชิก เพราะสมาชิกเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน เมื่อพรรคถูกเล่นงานด้วยกฎหมาย เราจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายในการฟ้องร้อง กกต.เช่นเดียวกัน เราคิดว่าหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ตนในฐานะสมาชิกพรรคเป็นผู้เสียหายและ กกต.จำเป็นต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟ้องร้องดังกล่าวกระทำการในฐานะสมาชิกที่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของกกต.​โดยไม่เกี่ยวกับทางพรรคแต่อย่างใด​ นอกจากนี้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ระบุว่าเมื่อแบบฟอร์ม​ดาวน์โหลด​ในการฟ้องกกต.ออกมาแล้ว จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ศาลไม่เลื่อนนัด21ก.พ.เหมือนเด็ม

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าสำหรับกรณีที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. นั้น เบื้องต้นมีรายงานว่ากำหนดการดังกล่าวยังคงเป็นไปตามเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนออกไปตามที่มีกระแสข่าวออกมาแต่อย่างใด

'ปชป.'ซัดอย่าเล่นนอกสภา

ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะถือเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเป็นนักประชาธิปไตยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเคารพกฎหมาย และควรต่อสู้แก้ต่างตามสิทธิที่มีที่เหมาะสมกว่าการมากดดันสถาบันตุลาการด้วยวิธีเช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่จะออกมาเป็นโทษทั้งหมด ผลที่เป็นคุณก็มี จึงอยากให้เคารพดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญด้วย อีกทั้งส่วนตัวยังเห็นว่าการที่ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรค 3 วันก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแน่นอน เพราะหากจำกันได้ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในกรณีนี้ก่อนที่สภาจะกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียอีก

"แม้จะถึงกำหนดก่อนหรือหลังอย่างไรก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นกลไกทางสภา ส่วนศาลก็เป็นกลไกทางตุลาการ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน การนำเรื่องนี้มาโยงกันจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามส่วนที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะอภิปรายกันนอกสภานั้น ผมคิดว่าที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ก็พูดอยู่เสมอว่ายังมีส.ส. ที่พร้อมร่วมอุดมการณ์กับพรรคอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นผมคิดว่า ส.ส.อนาคตใหม่ ก็ควรใช้สภาเป็นเวทีในการแสดงความคิดเห็น ไม่อยากให้ไปใช้กลไกอื่นๆ นอกสภา ไม่เช่นนั้น ทุกอย่างจะวุ่นวาย ประเทศกำลังไปได้ดี ขณะนี้งบประมาณปี 2563 ก็ผ่านแล้ว เศรษฐกิจกำลังค่อยๆ ดีขึ้น ความสงบจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก" นายอัครเดช กล่าว

ราเมศติงย่าให้ซักฟอกโยงยุบ

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความกังวลหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จะมีผลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าขอให้รอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดีที่สุด เพราะเรื่องนี้เป็นคนละประเด็นกันกับเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากนำมาเป็นประเด็นเกี่ยวโยงกัน แสดงว่าเป็นการนำความถูกผิดในกระบวนการตรวจสอบโดยอำนาจตุลาการมาโยงกับกระบวนการตรวจสอบในรัฐสภาซึ่งคนละเรื่อง ถ้ารัฐบาลทำผิดก็อภิปรายถ่วงดุลกันในสภา ถ้าพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายก็ถ่วงดุลกันโดยอำนาจตุลาการ

"ประชาชารอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะเป็นกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถึงเวลาการอภิปรายก็จะมีข้อมูลทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาลที่หยิบยกมาอภิปรายกันในสภา ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินได้ดีที่สุดคือประชาชน" นายราเมศ กล่าว