แจงดราม่าโทรทัศน์ทองคำ ผู้จัดฯ ยันโปร่งใส เผย แหม่ม-หมิว มีชื่อเสนอ-คะแนนไม่ติดท็อป5
วันที่ 16 ก.พ. ที่ หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยได้มีการจัดงานประกาศผลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 33 ก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ดร.ณ ฤดี เคียงศิริ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานโทรทัศน์ทองคำ และรองประธานชมรมส่งเสริมโทรทัศน์ แจงดราม่าโทรทัศน์ทองคำ หลังประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงในหลายรางวัลออกมาค้านสายตาคนดู
ถามถึงเรื่องดราม่าของการเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลโทรทัศน์ทองคำหลายสาขาดูเอนเอียง ทำไมนักแสดงมากคุณภาพหลายท่านไม่ได้เข้าชิง มีแต่นักแสดงช่อง3?
“เราพิจารณาหมดทุกช่อง เราเปิดให้สถานีส่งมาเองก่อน 1 รางวัลส่งได้ 1 แคนดิเดต นั่นหมายถึงว่าสถานีคัดมาเองก่อนแล้ว หลังจากที่สถานีส่งมาแล้วจะมีกรรมการซึ่งมีคุณวุฒิทางด้านวิชาการและวิชาชีพ ท่านกรรมการก็มีสิทธิ์ที่จะดึงขึ้นมาได้อีกหลังจากที่สถานีส่งมาแล้ว การที่เราทำตรงนี้ก็จะมีแคนดิเดตเข้ามาเยอะแยะเลยจากทุกช่อง กว่าจะมาคัดเหลือ 5 ผู้เข้าชิงได้เราคัดกันมาเยอะ ตัดเหลือ 10 เหลือ 8 เหลือ 5 ฉะนั้นรายชื่อที่ไม่ได้ประกาศไม่ได้แปลว่าไม่ได้เข้า ที่ประกาศแค่ 5 คน มาจากคะแนนที่ได้รับคะแนนสูงสุดท็อป 5 โดยไม่ได้พิจารณาช่องเป็นหลัก อาจจะบังเอิญว่าช่อง 3 ทำละครเยอะหรือเปล่า อาจจะมีละครคุณภาพที่เห็นชัดเจน อะไรอย่างนี้ก็เลยเข้ามา ในเจตนาของเราไม่ได้ดูช่องเป็นหลัก ทุกช่องได้รับการพิจารณาเท่ากันหมด”
ยกตัวอย่างละคร “เลือดข้นคนจาง” ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หรือนักแสดงสมทบอย่าง แหม่ม คัทลียา หรือ หมิว ลลิตา จากเรื่องล่าที่หลายๆ คนคาดการณ์ว่าต้องมีชื่อเสนอเข้าชิงรางวัลแต่กลับไม่มีรายชื่อปรากฏ?
“เลือดข้นคนจางมีเข้านะคะ ยืนยันว่าผ่านการพิจารณาหมดเลย ไม่มีเรื่องไหนไม่ได้มีการพิจารณา”
ยืนยันว่าแหม่มและหมิวมีชื่อผ่านเข้าพิจารณาแต่ไม่ติดท็อป5?
“อยู่ในเกณฑ์เบื้องต้นค่ะ แต่มันก็แล้วแต่คะแนนโหวต”
กระแสตีกลับมาว่ารางวัลโทรทัศน์ทองคำไม่มีความน่าเชื่อถือ?
“แล้วแต่ เพราะกรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนแฮปปี้ คนที่แฮปปี้อยู่แล้วเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา คนที่ไม่แฮปปี้ ไม่ถูกใจก็เลยส่งเสียงออกมา คิดว่าทั้งหมดทั้งสิ้นมันไม่มีทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะแฮปปี้หมดทุกคนหรือไม่แฮปปี้หมดทุกคน ธรรมชาติมนุษย์ ธรรมดาทุกคนจะเลือกเบอร์1 เบอร์2 เรายังตัดสินใจแทบตาย”
หลักเกณฑ์การตัดสินของรางวัลโทรทัศน์ทองคำเป็นอย่างไรบ้าง?
“ดูที่ฝีมือ บทบาทที่ได้รับ พัฒนาการของเขา ดูที่การสวมบทบาทนั้น ๆว่าเขาทิ้งตัวตนความเป็นดารา ถ้าบทไม่ต้องสวยก็ไม่ต้องห่วงสวย ส่วนละครเองเป็นคะแนนจากการโหวตของกรรมการ บางทีบางอย่างน่าเสียดายมาก มันเฉือนกัน 1-2 คะแนนก็มี ยืนยันว่ารางวัลโทรทัศน์ทองคำปีนี้ปีที่ 33 แล้ว ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้ทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมจริง เราคงอยู่ไม่ได้นานถึงขนาดนี้”
คือจะบอกว่าละคร หรือดาราที่กระแสกำลังวิพากษ์วิจารณ์จริงๆ แล้วมีคะแนนเฉือนๆ กันอยู่?
“จริงๆ แล้วพูดได้เต็มปากเลยว่าดารานักแสดงทุกคนเก่งกันมากๆ เลย ฝีมือมันเฉือนกันนิดเดียว อยากจะให้ทุกคนเลยถ้าเป็นไปได้”
แต่ในปีนี้มันค่อนข้างค้านสายตาจนเป็นกระแสในโซเชียล?
“สำหรับเราไม่ได้มองว่าค้านสายตามากนะ เราให้ความเคารพกระแสในโซเชียล คิดว่าตอนนี้โซเชียลมีเดียแอ๊กทีฟมากขึ้นกว่าในยุคก่อนๆ มันมีพื้นที่ให้คนแสดงความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เราเคารพในจุดนี้ ปีนี้เราถึงมีรางวัลให้โหวตเข้ามา ไม่เกี่ยวกับกรรมการเลย ใครเห็นชอบยังไงก็ให้โหวตเข้ามา โหวตเอสเอ็มเอสเข้ามา เป็นรางวัลยอดนิยม”
แต่ครั้งนี้เหมือนมีเสียงสะท้อนจากนักแสดงด้วยกันเองถึงความไม่เป็นธรรมออกมาด้วย?
“ก็เหมือนที่พูดไปแล้ว โซเชียลมีเดียแอ๊กทีฟมากขึ้น จริงๆ การตัดสินของปีที่แล้วไม่ได้ต่างจากปีที่ผ่านๆ มา เพราะใช้เกณฑ์เหมือนเดิม กรรมการตัดสินระบบเดิม ละครในแต่ละปีมันอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละช่อง เราดูหมดทุกช่องนะ ดูกระจายกันหมด กรรมการก็ดูกันหมด เวลาตัดสินถ้าเฉือนกันอยู่ 2 เบอร์ เราก็จะเอามารีเพลย์กันอีกทีนึงเพื่อที่จะทำงานร่วมกันอีก กรรมการทำงานหนักนะกว่าจะตัดสินเสร็จ 4-5 ทุ่ม”
กระแสสังคมคนมองว่างานประกาศรางวัลเพื่อช่อง3?
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนไปมองกันที่ละครเป็นหลัก แต่จริงๆ โทรทัศน์ทองคำไม่ได้มีแค่ละคร เรามีทั้งหมด 8 คณะ ใน 8 คณะที่ไม่ใช่ละครนี่แทบจะไม่มีช่อง 3 เลย ลองฟังผลดู แต่ช่อง 3 เขาแอ๊กทีฟเรื่องละคร ก็ต้องยอมรับในความแอ๊กทีฟของเขา พูดตรงๆ ก็คือว่ากันไปตามเนื้อผ้า”
ไม่พลาดข่าวฮอตแวดวงมายา
แค่กดเป็นเพื่อนไลน์ ข่าวสด@บันเทิง ที่นี่
ส่วนกระแสจากช่องทีวีดิจิตอลต่างๆ เขาก็กังวลว่ารายการอื่นๆ เขาก็ไม่ได้เข้าชิงรายชื่อ?
“มีค่ะ เดี๋ยวคอยฟังผล”
รู้สึกยังไงที่คนวิจารณ์เหมือนเป็นรางวัลตามใจฉัน?
“คงไม่ค่ะ เรามีคณะกรรมการในการตัดสิน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งตัดสิน จะไปตามใจฉันไม่ได้เพราะว่าฉันคือกรรมการรวม แล้วอย่างที่บอกคนเดียวหัวเดียวยังตัดสินใจไม่ลงเลยว่าจะให้เบอร์1 หรือ2 ดี แล้วยิ่งกรรมการหลายๆ คน มันต้องยกแม่น้ำทั้ง5 ทั้ง6 มางัดกันกว่าจะได้ผลที่เป็นมติ เราเคารพกระแสสังคมนะ แต่ก็จะบอกว่ามันเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่คนไม่พอใจพูด คนพอใจไม่พูด เราก็จะได้ยินเสียงที่ไม่พอใจเยอะว่าเสียงที่พอใจ คนที่เขาพอใจแล้วเขาก็ไม่พูดอะไร”
กระแสสังคมมาเยอะขนาดนี้มันทำให้ความน่าเชื่อถือของรางวัลลดลงไหม?
“ไม่ค่ะ ยืนยันความน่าเชื่อถือของรางวัลไม่ได้ลดลงเพราะเราไม่ได้ซื้อขายรางวัลหรือเอียงไปพวกใดพวกหนึ่ง บางครั้งตัดสินไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าช่องอะไร ต้องไปถามว่าอันนี้ของค่ายไหน อันนี้ของช่องไหน กรรมการแค่จำได้ว่าคนนี้เล่นเรื่องนี้ ก็มีบ่อย”
หลายปีที่ผ่านมาคนจะมองว่ารางวัลนี้เอาแค่ตัวดาราที่ป๊อปปูล่าเท่านั้น มีกระแส มีแฟนคลับ?
“ไม่เลยค่ะ กรรมการตัดสินไม่ได้ดูความยอดนิยมเป็นหลัก กรรมการจะมีเกณฑ์ เราจะพูดกันเลยว่าคนนี้มีพัฒนาการมั้ย องค์ประกอบศิลป์มันตรงหรือเปล่า หรือมีหลุดออกมา ดูแฟนตาซีต่างๆ อันนี้ไม่ต้องห่วง กรรมการเรามีหลายคน”
พอมีกระแสแง่ลบออกมาคณะกรรมการได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้บ้างไหม?
“จริงๆ มีกระแสเรารับฟังส่วนนึงนะ ถามว่าความกังวลมีมั้ย มีแต่ไม่เยอะ เพราะอย่างที่บอกว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่อีกส่วนนึงกลายเป็นดีใจ การมีกระแสแสดงว่าคนสนใจ ถ้าเขาไม่สนใจมันก็ไม่มีกระแสขึ้นมา การมีคนสนใจแสดงว่าเขาเห็นคุณค่า เขาอยากจะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้จึงให้แก้ปัญหาด้วยการที่มีให้โหวตยอดนิยมขึ้นมา”
