หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่โควิด-19 นำมาสู่สังคมคือทำให้เราอยู่บ้านกันมากขึ้น และเมื่อมีเวลาที่เหลือจากการไม่ต้องเดินทางไปทำงานหรือเตร็ดเตร่นอกบ้าน จะให้กินอาหารสำเร็จรูปหรือสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากินทุกมื้อก็ใช่ที่ เลยพลอยทำให้หลายคนเริ่มหันเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ #MasterChef หันมาทำอาหารกินเองมากขึ้นตามไปด้วย และอะไรจะดีไปกว่าการได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจากเชฟตัวจริงล่ะพบกับเหล่าเชฟใจดีจากเครือฮิลตัน (HiltonGroup) ที่อาสามาแบ่งปันสูตรอาหารดีงามสไตล์เชฟ แต่กลับมีวิธีทำที่ง่ายสุดๆให้ไปทำกินกันที่บ้านในยามนี้กันจ้า 1. Power Salad and Detox Zinger โดยห้องอาหาร Verde Kitchen โรงแรม ฮิลตัน สิงคโปร์ (Hilton Singapore) - เริ่มต้นด้วยเมนูง่ายๆ ได้สุขภาพ กับ Power Salad แหล่งรวมวิตามินและช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ตามด้วย Detox Zinger ช็อตน้ำผลไม้ซึ่งมีส่วนผสมของขิงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเช่นกัน 2. Spaghetti Carbonara โดย Executive Chef มันดาร์ มาดาฟ (MandarMadav)จากโรงแรม คอนราด เซนเทนเนียล สิงคโปร์ (Conrad Centennial Singapore) - รับรองว่าจะเป็น “สปาเกตตีคาโบนาร่า” ที่เพอร์เฟ็คต์ที่สุดที่คุณเคยทำมา กับวิธีทำสุดละเอียด พร้อมทิปต่างๆ แบบจัดเต็ม
3. Hawaiian Poke Bowl โดย Executive Chef โคลินชุง (Colin Chun) จากโรงแรม ฮิลตัน ซิดนีย์ (Hilton Sydney) - จานอร่อยที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ สูตรนี้มีส่วนผสมของ “โคชูจัง” เครื่องปรุงยอดฮิตในตอนนี้ด้วย เหมาะสำหรับอวดลงโซเชียลสุดๆ
4. Sweet & Sour Pork with Fruits โดย Head Chef of DYNASTY มาซากิ ยานากิยะ (Masaki Yanagiya) จากโรงแรม ฮิลตัน โตเกียว (Hilton Tokyo) - หมูเปรี้ยวหวานจานอร่อยสไตล์จีน เมื่อเป็นสูตรของเชฟยานากิยะ ผู้ดูแลห้องอาหารจีน Dynasty มากว่า 10 ปี ก็ออกมาได้สวยงามขนาดนี้เชียวนะ
5. Sydney Cheesecake โดย Executive Pastry Chef มิโก แอสปิราส(MikoAspiras) จากโรงแรมฮิลตัน ซิดนีย์ (Hilton Sydney) - เมื่อผ่านทั้ง 4 สูตรมาได้ ได้เวลายกระดับมาทำเค้กกันบ้าง กับสูตรชีสเค้กจากเชฟมิโก ที่ไม่ยุ่งยากแต่ออกมาสวยและอร่อยคุ้มค่ากับการลงแรง
★ Power Salad ★
โดยห้องอาหาร Verde Kitchen โรงแรม ฮิลตัน สิงคโปร์
ระดับความยาก : ง่าย
เวลาเตรียม : 10 นาที
เวลาปรุง : 10 นาที
เสิร์ฟ : 1 ที่ ส่วนผสมหลัก
1 ½ ถ้วยเบบี้สลัด (ผักสลัดใบเล็กที่อายุไม่เกิน 30 วัน)
¼ ถ้วยยอดบร็อคโคลี
¼ ถ้วยเห็ด หั่นสไลซ์
¼ ถ้วยอะโวคาโด หั่นสไลซ์
¼ ถ้วยชีสมอซซาเรลล่า
⅛ถ้วยซุกกีนี ขูดฝอย
⅛ถ้วยสควอช หั่นเต๋า
⅛ถ้วยลูกเกด
¼ ลูก แอปเปิล หั่นสไลซ์บางๆ
2 ช้อนโต๊ะเมล็ดทานตะวันส่วนผสมน้ำสลัด
50ml น้ำส้ม
50ml น้ำมันมะกอก
20ml น้ำผึ้ง
2 ลูก แอปเปิลเขียว
½ ลูก แตงกวา
20g ขิง
1 ลูก เลมอน หั่นเสี้ยว
2 ท่อน เซเลอรี่วิธีทำ
ทำน้ำสลัดโดยผสมน้ำมันมะกอก น้ำส้ม และน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยแกลือและพริกไทย
ผสมส่วนผสมที่เหลือลงในชามผสม
ราดน้ำสลัดที่ผสมแล้วลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ★ Detox Zinger ★
โดยห้องอาหาร Verde Kitchen โรงแรม ฮิลตัน สิงคโปร์
ระดับความยาก: ง่าย
เวลาเตรียม: 5 นาที
เวลาปรุง: 1 นาที
เสิร์ฟ: 1 ที่
ส่วนผสม
- 2 ลูก แอปเปิลเขียว
- ½ ลูก แตงกวา
- 20g ขิง
- 1 ลูก เลมอน หั่นเสี้ยว
- 2 ท่อน เซเลอรี่วิธีทำ
- หั่นส่วนผสมทุกอย่างเป็นท่อนๆ แล้วใส่ลงในเครื่องสกัดผลไม้ ★ Spaghetti Carbonara ★
โดย Executive Chef มันดาร์ มาดาฟ(MandarMadav) จากโรงแรม คอนราด เซนเทนเนียล สิงคโปร์
ระดับความยาก : ปานกลาง
เวลาเตรียม: 10 นาที
เวลาปรุง: 15นาที
เสิร์ฟ: 2 – 3 ที่
ส่วนผสมหลัก
100g แพนเชตตา
50g ชีสเพโครีโน่(pecorino)ขูด
50 ชีสพาร์เมซาน(parmesan)ขูด
3 ไข่แดง
350g สปาเกตตี
2 กลีบ กระเทียมกลีบใหญ่ สับ
50g เนยจืด
100ml ครีมประกอบอาหาร
พริกไทยสดบด
เกลือทะเลวิธีทำ
หั่นแฮมแพนเชตตาเอาเปลือกออกให้หมด
ในชามสะอาด ขูดชีสเพโครีโน่และพาร์เมซานผสมเข้าด้วยกัน
ใช้กระทะก้นลึกใบใหญ่ตั้งไฟให้เดือดใส่น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
เติมเกลือลงในน้ำ
ใส่เส้นพาสตา ดูให้สุกแบบ อัลดัน เต้ ทิป – ใส่น้ำเป็นสัดส่วน 5 เท่าของเส้นพาสตา จะช่วยให้เส้นสุกได้ดี
ระหว่างลวกเส้น ใช้กระทะสะอาด ใส่แพนเชตตา
ตั้งไฟปานกลาง พลิกกลับไปมาจนแพนเชตตาสุกเป็นสีน้ำตาลทอง ทิป – ใช้กระทะอุณหภูมิห้องใส่แพนเชตตาก่อนแล้วค่อยเปิดไฟ ใช้ไฟแค่ปานกลางเพื่อดึงน้ำมันออกมาl จะทำให้แพนเชตตากรอบด้วยน้ำมันของตัวเอง
ใส่กระเทียมสับ
ทำครีมซอส (liaison) ด้วยชีส ไข่แดง และครีมประกอบอาหาร ทิป – อย่าทำซอสเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ความหนืดข้นของไข่แดงแห้งไป
ใช้ไฟต่ำ
เมื่อเส้นพร้อมแล้ว เอาคีมคีบขึ้นจากน้ำ มาใส่กระทะแพนเชตตา ทิป – ไม่ต้องกังวลว่าจะมีน้ำหยดลงในกระทะ มันเป็นสิ่งที่ดี และอย่าเพิ่งทิ้งน้ำลวกเส้น
ยกกระทะลงจากเตาเพื่อไม่ให้เส้นสุกไป
เทครีมซอสลงไป คลุกเคล้าด้วยคีมเพื่อให้เส้นไม่เสียหาย
ถ้าข้นเกินไป ให้ใส่น้ำ 1 ช้อน (อย่าใส่น้ำลวกเส้น เพราะมันจะเค็มไป)
ใส่เกลือและพริกไทยได้ตามชอบ เรื่องน่ารู้
ห้ามลืมใส่พริกไทยเด็ดขาด!คาร์โบนาน่าแปลคร่าวๆ ว่า “ในวิถีของคนขุดถ่าน” และเป็นไปได้ว่าต้นกำเนิดของชื่อนี้มาจากร้านอาหารในโรมันที่ชื่อ คาร์โบนาร่า
อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้อาจได้มาเพราะเกล็ดของพริกไทยดำที่ดูเหมือนผงถ่านบนพาสตาซอสครีมสีขาวก็เป็นได้ ★ Hawaiian Poke Bowl ★
โดย Executive Chef โคลินชุง(Colin Chun) จากโรงแรม ฮิลตัน ซิดนีย์
ระดับความยาก : ง่าย
เวลาเตรียม : 10 นาที
เสิร์ฟ: 1 ที่
ส่วนผสมหลัก
120g ปลาดิบ เกรดสำหรับทำซาชิมิ (ทูน่า หรือแซลมอน หั่นเต๋าขนาด 1ซม.)
150g ข้าวหุงสุก (ข้าวซูชิ หรือข้าวเหนียวดำ หรือข้าวไม่ขัดสี)น้ำสลัด
45g ซอสโคชูจัง (ซอสพริกเกาหลี)
15g น้ำตาล
30ml ไรซ์วีนีการ์
15ml น้ำมันงา
30g ซอสถั่วเหลือง
3g กระเทียม (สับ)
5ml น้ำมะนาวส่วนผสมโรยหน้า
30g อะโวคาโด หั่นเต๋า
20g แตงกวาหั่นเต๋า
20g แครอต หั่นเต๋า หรือซอย
5g หัวไชเท้า ซอย
10g สลัดผัก หรือผักกาดแก้ว หั่นเล็กๆวิธีทำ
ใส่เครื่องปรุงน้ำสลัดทั้งหมดลงในชามแล้วตีด้วยตระกร้อมือ
ในจานเสิร์ฟ ใส่ข้าวที่หุงแล้ว วางหน้าด้วยปลาดิบ
จัดส่วนผสมโรยหน้าลงบนข้าวและปลาให้สวยงาม เสิร์ฟกับน้ำสลัด ★ Sweet & Sour Pork with Fruits ★
โดย Executive Pastry Chef มาซากิ ยานากิยะ (Masaki Yanagiya) จากโรงแรม ฮิลตัน โตเกียว
ระดับความยาก : ปานกลาง
เวลาเตรียม : 15 นาที
เวลาปรุง: 10 นาที
เสิร์ฟ: 2 ที่
ส่วนผสมหลัก
6 ชิ้น เนื้อหมูสามชั้นสไลซ์บาง
6 ผล องุ่นเขียว
6 ผล สตอรว์เบอร์รี่
6 ผล มะเขือเทศเชอร์รี่
50g หัวหอม หั่นสไลซ์
แป้งมันฝรั่ง
ต้นกระเทียม (แล้วแต่ชอบ) ส่วนผสมซอส
2 ช้อนโต๊ะน้ำส้มสายชูดำ
2 ช้อนโต๊ะน้ำส้มสายชูบัลซามิค
2 ช้อนโต๊ะไรซ์วีนีการ์
5 ช้อนโต๊ะน้ำสะอาด
1 ช้อนชา ซอสถั่วเหลือง
5 ช้อนโต๊ะน้ำตาล
4 ช้อนโต๊ะน้ำตาลผลึก
1 หยิบมือ เกลือ
1 ช้อนโต๊ะแป้งมันผสมน้ำวิธีทำ
เรียงเนื้อหมูสามชั้นหั่นสไลซ์บนพื้นราบ โรยด้วยเกลือและพริกไทย
นำองุ่นเชียว สตรอว์เบอร์รี่ และมะเขือเทศเชอร์รี่มาคลุกเคล้าแป้งมันจนทั่ว
นำเนื้อหมูสามชั้นมาคลุกเคล้าแป้งมันจนทั่ว
วางองุ่นเขียวลงบนเนื้อหมูแล้วม้วน ทำแบบเดียวกันกับสตรอว์เบอร์รี่และมะเขือเทศเชอร์รี่
ม้วนเสร็จแล้ว โรยแป้งมันให้ทั่วอีกครั้ง
ตั้งไฟปานกลาง แล้วนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ไปทอดแบบดีปฟราย
เตรียมซอสน้ำส้มสายชูดำ:
a : ผสมน้ำ น้ำตาล และน้ำตาลผลึกในกระทะ ตั้งไฟ
b: เมื่อเดือด เติมน้ำส้มสายชูและซอสถั่วเหลืองนำหมูก้อนทอดมาผัดในน้ำซอส ผสมแป้งมันกับน้ำใส่ลงไปเคี่ยวจนซอสข้นขึ้น
ตกแต่งด้วยหัวหอมและต้นกระเทียม ★ Sydney Cheesecake ★
โดย Executive Pastry Chef มิโก แอสปิราส (MikoAspiras) จากโรงแรมฮิลตัน ซิดนีย์
ระดับความยาก : ปานกลาง
เวลาเตรียม : 30 นาที
เวลาอบ: 2 ชม. 20 นาที
ขนาด: 8 นิ้ว
ฐานเกรแฮมแคร็กเกอร์
1 ¾ ถ้วยเกรแฮมแคร็กเกอร์ บด
½ ถ้วยเนยจืดอุณหภูมิห้อง และส่วนสำหรับทาถาดอบชีสเค้ก
½ ถ้วยแป้งข้าวโพด
1/3 ถ้วยน้ำ
2 ถ้วยเฮฟวี่ ครีม
3 ⅓ถ้วยครีมชีส
½ ถ้วย น้ำตาล
2 ฝักวานิลลา ขูดเมล็ดออกมา
1 ช้อนชากลิ่นวานิลลา
3 ฟอง ไข่ขนาดกลาง
¼ ถ้วยซาวร์ครีม หรือโยเกิร์ตวิธีทำ
อุ่นเตาอบที่ 149°C กรุก้นถาดอบชนิดที่ถอดด้านข้างออกได้ขนาด 8 นิ้วด้วยฟอยล์ทาก้นด้วยเนยละลาย
ทำฐานเกรแฮมแคร็กเกอร์:
a.ผสมส่วนผสมทั้งหมดในชามผสมด้วยมือจนเข้ากันดี
b.กดส่วนผสมเกรแฮมแคร็กเกอร์ลงที่ก้นถาดอบให้แน่น กรุขึ้นไปจนถึงด้านข้างถาดอบ
c.วางถาดอบบนจานอบก้นตื้นอีกที นำเข้าอบ15 นาที
d.วางถาดอบไว้บนจานอบต่อ แล้วปล่อยให้เย็นลงที่อุณหภูมิห้องลดอุณหภูมิเตาเหลือ 129°C.
ตีแป้งข้าวโพดกับน้ำจนละลาย
ตั้งไฟปานกลางตุ๋นครีมในกระทะ ใส่แป้งข้าวโพดลงไปแล้วกวนด้วยตระกร้อมือจนละลาย คนจนส่วนผสมข้นขึ้นแล้วกรองใส่ชาม พักไว้
ใช้เครื่องผสมอาหารผสมครีมชีส น้ำตาล เมล็ดวานิลลาที่ขูดออกมา และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน จนเนียน ดูเบาและฟู ตะล่อมให้ทั่ว
ใส่ไข่ทีละฟอง ตะล่อมผสมจากขอบและก้นถ้วยให้ทั่วทุกครั้งที่ใส่ไข่เพิ่ม
เทส่วนผสมครีมลงไป ผสมจนเข้ากัน
โรยเกรแฮมแคร็กเกอร์บดหยาบครึ่งหนึ่งลงบนฐานที่เตรียมไว้
เทส่วนผสมครีมลงไป
เคาะถาบอบเพื่อไล่ฟองอากาศ โรยหน้าด้วยเกรแฮมแคร็กเกอร์บดหยาบที่เหลืออยู่
เติมน้ำร้อนลงบนชามอบก้นตื้นรอบๆ ถาดอบ ให้สูงประมาณครึ่งหนึ่ง
อบ2 ชั่วโมงหรือจนชีสเค้กเซ็ตตัวแต่ตรงกลางยังหยุ่นๆ อยู่ นำออกมาพักที่อุณหภูมิห้อง แล้วจึงนำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน
ตกแต่งหน้าเค้กด้วยวิปครีม เกรแฮมแคร็กเกอร์ เบอร์รี่และผลไม้สด