เชียงราย-เป็นญาติสนิทตำรวจใกล้เกษียณ คลิปโผ่ขณะเกิดเหตุพบลักษณะคล้ายอาวุธมีดควงขณะก่อเหตุบนธนาคาร จนเจ้าหน้าที่แบ็งค์เผ่นหนีกระเจิง
กรณีคนร้ายก่อเหตุที่ พตอ.ประจัญ ปัญญาแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ปฏิบัติการ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่ามีการวิ่งราวทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกพ่อขุนฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เงินสดไปจำนวน 285,000 บาท โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุและเห็นภาพใบหน้าอย่างชัดเจน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบและกดดันจนคนร้ายยอมออกมามอบตัว และแจ้งว่าผู้ต้องหาได้ขอใช้สิทธิ์ที่จะไม่เปิดเผยหน้าและชื่อของตัวเอง เพียงแต่เปิดเผยว่าผู้ต้องหาเป็นชาย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305/17 หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง เชียงราย มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ในขณะนำเงินจำนวน 3,500 ขึ้นไปแลกเป็นแบ็งค์ร้อยบนธนาคาร เพื่อจะนำไปจ่ายคนงาน ขณะที่แลกเงินอยู่นั้นผู้ต้องหาได้เห็นเงินจำนวนมากได้วางอยู่บนโต๊ะทำงาน จึงเกิดความโลภ ประกอบกับมีปัญหาทางด้านการเงินที่จะต้องนำไปจ่ายให้กับคนงาน และพ่อที่กำลังป่วยจึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนไม่สามารถให้ข้อมูลในเบื้องลึกได้ ซึ่งอาจจะมีผลทางรูปคดี ในขั้นต้นได้ตั้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ส่วนเงินที่ได้ไปจำนวน 280,500 บาท ยังอยู่ครบและได้นำมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
ส่วนการตั้งข้อหาเบื้องต้นเป็นเพียงแค่วิ่งราวทรัพย์ จนมีประชาชนจำนวนมากที่ได้ติดตามข่าวสารโดยเห็นคลิปขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ พบมีลักษณะคล้ายคนร้ายถือควงอาวุธมีดในขณะก่อเหตุ ทำให้เจ้าหน้าทีของธนาคารกรุงไทยฯ ต้องวิ่งเผ่นหนีกระเจิง และสามารถโกยเงินสดออกไปไปได้สำเร็จ จำนวน 280,500 บาท หลบหนีออกไปอย่างลอยนวล
แหล่งข่าวระดับสูงได้พยายามตามติดในเรื่องดังกล่าว จนสามารถทราบชื่อคนร้ายผู้ก่อเหตุได้ในวันดังกล่าวซึ่งขณะนี้ยังเป็นผู้ต้องหา ชื่อ นายนิติ วงศ์บาลี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305/17 หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาได้รับงานก่อสร้างบ้านจัดสรรอยู่ระแวกบ้านใหม่ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการของญาติสนิทที่เป็นคนในวงการตำรวจใกล้เกษียณราชการ จนมีเสียงร่ำลือไปต่างๆ นาๆ ของประชาชนที่รับทราบข่างสาร
ทางด้านนายชวลิต สยามภูภงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้นยังไม่เป็นที่ยุติ หากสามารถตรวจพบหลักฐานว่าผู้ตองหามีการใช้อาวุธในการก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ในภายหลังได้
