โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'แก้วสรร'ออกบทความวิพากษ์คำวินิจฉัยยุบอนาคตใหม่ ต่างชาติอย่าเข้ามาเสือก

ไทยโพสต์

อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 02.55 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 02.55 น. • ไทยโพสต์

25 ก.พ.63-   นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความ เรื่อง  วิพากษ์คำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่  ผ่าน   โดยมีเนื้อหาดังนี้

ถาม    ทูตอเมริกันเขาหาว่า ศาลยุบพรรคอนาคตใหม่โดยไม่เป็นธรรม  ลิดรอนสิทธิของชาวบ้าน ๖ ล้านคน ที่เลือกพรรคนี้   อาจารย์จะว่าอย่างไร ตอบ    กฎหมายบ้านเขาก็คุมวงเงินบริจาคช่วยรณรงค์เลือกตั้งเหมือนกัน   เงินกู้นอกระบบธนาคารเขาก็ถือเป็นการบริจาคและคุมเพดานเช่นกัน  แต่ของเขามันไม่ถึงกับยุบพรรคเหมือนที่อนาคตใหม่โดน  ก็เลยโวยวาย “เสือก” ออกมาด้วยความแปลกใจว่า กฎหมายไทยเป็นอย่างนี้หรือ? ถาม    อาจารย์แปลกใจเหมือนเขาไหม ตอบ    ประเด็นเงินกู้เป็นเงินบริจาคแล้วลงโทษเพราะเกิน ๑๐ ล้านนั้น   ผมเห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญว่า  มันเข้าลักษณะบริจาคได้  คดีนี้ถ้าขึ้นศาลอเมริกันก็เป็นผิดเหมือนกัน ถาม    ผิดแล้ว..แล้วทำไมกฎหมายอเมริกันเขาไม่ลงโทษยุบพรรค ตอบ    เขามองเป็นการกระทำผิดของบุคคล ไม่ใช่ของพรรค   พรรคเป็นที่รวมของสมาชิกและผู้สนับสนุนในหีบเลือกตั้งอีกหลายล้านคน   พวกเขาไม่รู้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้บริหาร  เราจึงยุบพรรคเขาง่ายๆไม่ได้    ถาม    แล้วเราควรชี้แจงต่างชาติอย่างไรดีครับ ตอบ    บอกเขาว่า “อย่ามาเสือก” ก็พอแล้ว   ที่เหลือเราก็ดูกันเองวิพากษ์กันเองว่า  เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเหตุผลในคำวินิจฉัยส่วนใดบ้าง ถาม    เราไปวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญได้หรือครับ ตอบ    ก็อย่าไปวิจารณ์ตัวตุลาการนะคุณ มันจะเข้าข้อหาดูหมิ่นศาลได้ง่ายๆ  ถ้าวิพากษ์กันด้วยเหตุผลตรงตัวคำวินิจฉัยเท่านั้น  เช่นนี้ทำได้และควรทำเพื่อความก้าวหน้าของระบบกฎหมายไทย  ตัวผมเองก็ติดใจการตีความของศาลอยู่เหมือนกัน ถาม    ขอประเด็นแรกก่อนครับ ความผิดของการให้เงิน ๑๙๑ ล้าน ? ตอบ    ปัญหาว่าการที่คุณธนาธรให้เงิน ๑๙๑ ล้าน แก่พรรคอนาคตใหม่ มันผิดที่ตรงไหนนั้น   ผมว่าคำวินิจฉัยของศาลไม่ชัดเจนเช่นที่ควร  จนบางคนก็ไปเข้าใจว่า แค่พรรคกู้เงินก็ผิดแล้ว  กกต.บางท่านก็บอกว่าต้องกู้เกิน ๑๐ ล้านถึงจะผิด  นี่แสดงว่ายังสับสนไม่ชัดเจนกันอยู่    ต่อปัญหานี้ ผมเห็นว่าศาลน่าจะตัดสินได้ชัดเจนสมเหตุผลกว่านี้นะครับว่า การให้เงินครั้งนี้มันมีตัวจริงเป็น “การลงทุนแสวงหาอำนาจ” ซึ่งกฎหมายรับไม่ได้ ถาม    เขายืนยันว่าเป็นการให้กู้  อีกฝ่ายก็บอกว่าเป็นการบริจาค  แล้วอาจารย์มาบอกว่าเป็นการลงทุนได้อย่างไร ตอบ    คุณให้ไป ๑๙๑ ล้านอ้างว่าเป็นการให้กู้  ขอถามว่าพรรคการเมืองมีรายได้จากค่าสมาชิกและเงินบริจาคเท่านั้น   แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาคืนคุณได้ ๑๙๑ ล้านแถมหลักประกันก็ไม่มีให้อีกด้วย   ความเสี่ยงจึงสูงมาก   แต่ดอกเบี้ยกลับให้แค่ ๒ -๗%  ต่อปี    การให้เงินอย่างนี้คือการให้ทุนดีๆนี่เอง   แล้วให้ไปทำไม? คำตอบก็คือให้ไปใช้ในการเลือกตั้ง  มันไม่ได้ให้ไปซื้อตึกซื้อที่ทำการอะไร  ไม่ได้ให้กู้เพราะขาดสภาพคล่องไม่มีเงินจ่ายลูกจ้างพรรค   แต่เป็นการให้ไปลงทุนเลือกตั้งชัดเจนเลย   ผมจึงสรุปว่า นี่คือ “การลงทุนแสวงหาอำนาจ”  ที่เราไม่ต้องการเห็น และเกณฑ์ที่กฎหมายตัดบทควบคุมไว้เลย ก็คือ “ห้ามบริจาคเกิน ๑๐ ล้านบาท” เกินไปเมื่อใด กฎหมายก็ชี้ว่าเป็นการลงทุนแสวงหาอำนาจแล้ว ถาม    การเลือกตั้งทั้งประเทศมันต้องใช้เงินอยู่แล้ว   พรรคให้หัวหน้าสำรองจ่ายไปก่อน  แล้วหลังเลือกตั้ง ค่อยจัดงานรับบริจาคหาเงินมาใช้หนี้ก็ได้นี่ครับ   แล้วมันจะผิดที่ตรงไหน ตอบ    คุณเป็นองค์กรทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย   จะเอาความคิดทางธุรกิจการเงินมาใช้หาอำนาจกับประชาชนไม่ได้  มีเงินเท่าใดก็ต้องใช้ในการเลือกตั้งเพียงเท่านั้น    พรรคพลังธรรมของคุณจำลองเขายังใช้ฝาเข่ง มาเขียนป้ายหาเสียงเลย คุณไม่เห็นหรือ ถาม    ระบบลงคะแนนบัตรเดียว นับสองครั้งทั้ง สส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อนี่  มันทำให้พรรคใหม่ๆ เล็กๆ ต้องลงทุนส่งคนลงเลือกตั้งทุกเขต เลยนะครับ ตอบ    นั่นเป็นความวิปลาสของตัวระบบที่ต้องแก้ไขกันต่อไป คุณอย่าไปโทษคนอื่น  หลายพรรคเล็กที่เกิดใหม่ เขาก็เลือกส่งคนลงเพียงบางเขต พอสมฐานานุรูปเท่านั้น ถาม     ขอประเด็นที่สองครับ การตึความมาตรา ๗๒ ตอบ    คดีอนาคตใหม่นี้  จะไม่มีโทษถึงยุบพรรคเลย ถ้าศาลตีความมาตรา ๗๒ โดยจำกัดว่า   การยุบพรรคตามมาตรา ๙๒ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการบริจาค “เงินต้องห้าม” ตามมาตรา ๗๒  เท่านั้น กล่าวคือ     มาตรา๗๒ ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

    มาตราข้างต้นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไปตีความว่า มาตรานี้มีความผิด ๒ประการ รวมอยู่ด้วยกัน คือ     ๑) ได้เงินมา โดยรู้หรือควรรู้ว่า การได้เงินเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง หรือ     ๒) รับเงินที่มีแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พอตีความอย่างนี้ อนาคตใหม่ก็ผิด มาตรา ๗๒ ตาม ๑) คือรับเงินโดยไม่ถูกต้อง ไปเลย ถาม    อาจารย์เห็นว่าที่ถูก ควรตีความอย่างไร ตอบ    ผมเห็นว่า ความผิดสองอย่าง คือเงินที่รับไม่ถูกต้อง กับรับเงินโดยไม่ถูกต้องนี้มันคนละเรื่องกันเลย   เอามาบัญญัติ หรือตีความให้อยู่ในความผิดเดียวกัน มาตราเดียวกันไม่ได้   มันมีความร้ายแรงต่อสังคมต่างกันมาก เราควรตีความว่า มาตรา ๗๒ ห้ามมิให้พรรคการเมืองรับเงินต้องห้ามเท่านั้น ในสองประการ คือ

๑) เงินที่ผู้ให้ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือพรรคการเมืองเป็นคนรับฟอกเงินโดยตรงเลย ๒)เงินที่มีแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือมีผู้รับฟอกเงินมาก่อน แล้วจึงนำมาบริจาคให้พรรคอีกทอดหนึ่ง ถ้าตีความจำกัดแค่ “เงินที่รับไม่ถูกต้อง” อย่างนี้  อนาคตใหม่ก็ไม่ผิดมาตรา ๗๒ จึงไม่ต้องถูกยุบพรรค    ถาม    แล้วจะเอาโทษที่ไหนมาใช้กับการลงทุนหาอำนาจ ของคุณธนาธรและพวก ตอบ    มันมี มาตรา ๑๒๕ คอยลงโทษอยู่แล้วครับ  มาตรานี้ไม่มีโทษยุบพรรคเลย มีแต่ปรับพรรคและริบเงิน กับตัดสิทธิของกรรมการพรรค ๕ ปี เท่านั้น  พรรคอนาคตใหม่จะยังอยู่ แต่กรรมการหายไปหมด กล่าวคือ มาตรา ๑๒๕  พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๖ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกำหนดห้าปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๖๖ ตกเป็นของกองทุน 

ถาม    ถ้าใช้มาตรานี้  ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องยกฟ้อง ให้ กกต.ไปดำเนินคดีอาญา กับอนาคตใหม่ในศาลยุติธรรมต่อไป ตอบ    เป็นเช่นนั้นครับ  เพราะความผิดเรื่อง “เงินที่รับ ไม่ถูกต้อง” กับ “รับเงินโดยไม่ถูกต้อง” จะถูกแยกแยะไว้เป็น สองระบบชัดเจนแล้วคือ

ปัญหาการลงโทษสองครั้งในการกระทำผิดฐานเดียว ถาม    หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคแล้ว เห็นคุณศรีสุวรรณ และกองเชียร์  บี้ กกต.ให้ กล่าวโทษอนาคตใหม่ เพื่อลงโทษทางอาญาตาม มาตรา ๑๒๔,๑๒๕ และ ๑๒๖ อีก อย่างนี้ไม่ยิ่งประท้วงกันใหญ่หรือครับ ตอบ    นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วงมากๆ   ถ้าตีความแยกความผิดตามมาตรา ๖๖ และ ๗๒ ออกจากกันเช่นตารางข้างต้น   มันจะมีศาลเดียว ลงโทษครั้งเดียวเท่านั้น   แต่พอเอาความผิดสองฐานนี้มารวมกัน   การลงโทษโดยศาลในคดีอาญาจะแห่มาลงแขกซ้ำซ้อน อย่างไม่ถูกต้องเลย พรรคอนาคตใหม่ จะโดนศาลรัฐธรรมนูญยุบก่อน  แล้วก็โดนปรับกับริบเงินโดยศาลในคดีอาญาอีก คุณธนาธร จะโดนจำคุกหรือปรับ ๒ ครั้ง ตัดสิทธิ์ ๓ ครั้ง กรรมการบริหาร จะโดนตัดสิทธิ์ ๒ ครั้ง   คนที่เกี่ยวข้องรู้เห็นรับเงินจะโดนจำคุกหรือปรับด้วย แล้วโดนตัดสิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง ที่สำคัญคือ..ทั้งหมดนี้ ศาลในคดีอาญาได้แต่ตัดสินว่าผิดตามที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดไว้แล้วทั้งนั้น   จำเลยในคดีอาญาได้แต่ต่อสู้ให้ลงโทษเบาที่สุดเท่านั้นเอง ถาม    ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นนั้นนะครับ มันเป็นความผิด กรรมเดียวหลายบท ศาลก็ต้องลงโทษบทเดียวไม่ใช่หรือครับ ตอบ    ถ้าเป็นเรื่องกรรมเดียวผิดหลายบท เช่นจำเลยไปยิงคู่อริในห้าง  อย่างนี้ก็ผิดทั้งฐานฆ่าคน และฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ  ศาลก็ลงโทษบทหนักบทเดียวเท่านั้น ไม่มีปัญหา  แต่มาปัญหาอนาคตใหม่นี้มัน กรรมเดียว ผิดบทเดียว ลงโทษสองศาล ลงโทษไปแล้ว ก็ลงโทษอีก  เช่น พรรคที่โดนยุบไปแล้ว ก็ฟื้นมาโดนปรับอีก ๑ ล้าน  ริบอีก ๑๘๑ ล้าน เป็นต้น  อย่างนี้มันสมเหตุผลหรือครับ   คดีอนาคตใหม่ภาคอาญานี้  ทั้ง กกต.,อัยการ และศาลในคดีอาญาจะปวดหัวมากแน่ๆ   คะแนนสงสารจะเทมาที่อนาคตใหม่อีกมาก บทเรียนทางกฎหมาย ถาม    ทำไมอนาคตใหม่ โดยคุณปิยะบุตร ไม่ต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ไว้ในประเด็นนี้ด้วยล่ะครับว่า   แม้คดีนี้จะเห็นว่าเป็นผิดก็ตาม   ก็ต้องผิดอาญา พรรคต้องโดนแค่ปรับเท่านั้น  กกต.จะมาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไม่ได้    ถ้าเขาสู้ให้ชัดให้หนักตรงนี้ไว้ด้วย ศาลอาจยกฟ้อง กกต.ก็ได้นะครับ   ขนาดไม่สู้ไว้ ก็ยังได้ตุลาการเสียงข้างน้อย ๑ ท่าน ตัดสินมาทางนี้เลย ตอบ    พ.ศ.นี้ พวกเขายังไม่ใช่พรรคการเมือง  เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวอยู่เหมือนสองทศวรรษที่แล้ว  เขาจึงมุ่งแต่จะประกาศว่าเขาทำถูก ๑๐๐ % และคดีนี้คือนิติสงครามที่มุ่งจะกลั่นแกล้งรังแกกระแสปฏิวัติของประชาชน พี่น้องต้องลุกขึ้นสู้! พอมุ่งไปในแนวเคลื่อนไหวชูธงรบนอกศาลอย่างนี้  ข้อต่อสู้สำคัญเช่นนี้จึงถูกเมินเฉยไปในที่สุด  ถ้าเป็นทนายความมืออาชีพเขาจะไม่พลาดทิ้งข้อต่อสู้อย่างนี้เลย ถาม    เหมือนถูกฟ้องว่าปล้นทรัพย์ แต่ไม่ต่อสู้ไว้ว่าแท้จริงผมผิดแค่ลักทรัพย์เท่านั้น  ตอบ    ก็ทำนองนั้น…มันชัดเจนว่า..พรรคอนาคตใหม่ มุ่งแต่จะเป็นขบวนการต่อสู้ จนตั้งขึ้นโดยไม่มีการวางแผนปฏิบัติการทางกฎหมายไว้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ จึงต้องจบลงอย่างนี้    

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0