แก้ม วิชญาณี เตือนสติคนชอบแกล้ง คนโดนไม่ขำ ยกกรณี หนูรัตน์ เป็นตัวอย่าง
จากกรณีโลกโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์ เน็ตไอดอลหมวยโซฮอท และนารา ขายเครป ปฏิบัติต่อ หนูรัตน์ ธิดาพร ชาวคูเวียง ในไลฟ์สด โดยหลายคนมองว่า เป็นการรังแก หนูรัตน์ ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน จน หนูรัตน์ ร้องไห้ เกิดเป็นแฮชแท็ก #SaveNoorat ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น ที่ได้ทวีตข้อความให้กำลังใจ หนูรัตน์ เช่นกัน มีโอกาสเจอนักน้องสาวในงาน Siam Paragon World of Luxury Presents The Masterpieces Showcase “Zodiac of Star” ที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี เลยสอบถามเจ้าตัวถึงประเด็นดังกล่าว
โดย แก้ม เผยว่า “เราให้กำลังใจกันอยู่แล้วค่ะ แก้มเคยเจอน้อง เขาเป็นเด็กน่ารัก เป็นคนตั้งใจทำงาน เราตามเพจเขามานานหลายปีแล้ว เข้าไปดูเพจน้องเคยร้องเพลงแก้มด้วย พอมีโอกาสเจอกันเราก็เข้าไปแซวนิดนึงว่าร้องเพลงเราได้ด้วย พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราเลยตกใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่เราไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเขาตกลงอะไรกันยังไง เราเลยไม่สามารถพูดได้เต็มปาก ให้ได้แค่กำลังใจ ส่งกำลังใจให้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น”
คนบันเทิงออกมาให้กำลังใจ จนเกิดแฮชแท็ก #SaveNoorat?
“จะเรียกว่าเซฟขนาดนั้นมันก็จำเป็นมั้ยคะในเรื่องมนุษยธรรม แก้มมองว่ามันเป็นสิ่งที่เราสามารถพูดได้ในพื้นที่ของเรา ในเมื่อทุกคนก็มีพื้นที่ของตัวเอง เราเป็นคนอยู่ในแสงแต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะให้กำลังใจใครสักคนหนึ่ง เราไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้นเขาอาจจะโอเคแล้ว แต่ว่าเราเห็นสิ่งที่มันสื่อออกมา เห็นแฮชแท็กที่มันเกิดขึ้น เรารู้สึกว่าเขาไม่ควรจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ควรมีใครจะต้องเจออะไรแบบนี้ในสังคมในโลกนี้ เราอยากให้มันเปลี่ยนแปลง ให้มันดีขึ้น การที่เราทำดีต่อกันมันน่าจะดีกว่าแค่นั้นเอง”
หลังจากทวิตไป มีฟีดแบ๊กกลับมาหาเรายังไง?
“ส่วนใหญ่ไม่ ทุกคนรู้สึกสงสารน้องเป็นห่วงสภาพจิตใจน้องมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีทางรู้ความจริงทั้งหมด แต่สิ่งที่เราเห็นในคลิป ทางฝั่งนั้นเขาอาจจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว เราเห็นแค่นั้นแต่เราจะไม่ไปตัดสินใคร เราแค่อยากให้กำลังใจ เขาไม่ควรเจออะไรแบบนี้ เขาตั้งใจมากนะ เขาเป็นคนน่ารักมาก ที่แก้มชอบดูคลิปน้องเพราะแก้มรู้สึกว่าเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ ตั้งแต่ตอนที่เขาไลฟ์เองแล้วเราฟังสิ่งที่เขาร้องออกมา โลกนี้เราไม่จำเป็นจะต้องร้องตรงคีย์ไปหมด ความสุขมันเกิดขึ้นได้ มันตลกสนุกขำจากสิ่งที่เขาทำความน่ารักออกมาสำหรับมุมมองแก้มนะ เขาสร้างรอยยิ้มได้ ที่เขาพูดตลอดว่าเขาทำเพื่อครอบครัว”
“เราเห็นอะไรที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับสังคมเราก็มีสิทธิ์จะออกมาพูดแต่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาขนาดนั้นหรอกค่ะ น้องก็อยากทำงานต่อไป เราได้แค่ให้กำลังใจ เราไม่ได้ต้องการจะไปเรียกร้องอะไรจากฝั่งไหน เราออกมาพูดถึงการบูลลี่ การที่สังคมยุคนี้เกิดการวิจารณ์สิ่งต่างๆ มากล่าวถึงบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราโดยการที่ไม่ได้นึกถึงใจคนอื่น อยากให้เห็นใจคนอื่นมากขึ้น แก้มเคยโดนบูลลี่แน่นอนมันเป็นธรรมดาที่แก้มเจอมาตลอดแต่แก้มเป็นคนเข้มแข็งและแก้มวางได้ แต่หลายๆคนเขาไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเราบางคนเขาอ่อนแอ กว่าเราจะผ่านมาได้จนจุดหนึ่งเราต้องปล่อยวาง เจอมาหลายเรื่องจนเราไม่สามารถเก็บเอามาหมดได้ เราต้องวางปล่อยผ่านและทำชีวิตเราให้ดี และเราจะไม่ไปพูดถึงสิ่งที่ไม่ดีกับเขา เราจะสร้างสิ่งดีๆให้กับคนอื่น”
ในมุมมองของเรา การโดนบูลลี่มันน่ากลัวขนาดไหน?
“จะบอกว่าใครที่ไม่เคยโดนอาจจะไม่เข้าใจหรือบางครั้งโดนแต่ไม่รู้ว่าคือนี่การบูลลี่ด้วยซ้ำ มองเป็นเรื่องสนุกสนานขำๆ แต่ใจบางคนมันไม่เหมือนกัน บางคนเข้มแข็งไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไรฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราข้ามมาได้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะมีนอยด์บ้าง ทุกวันนี้การที่สังคมเราออกมารณรงค์ในเรื่องเหล่านี้ เราทำดีต่อกันสร้างแต่สิ่งดีๆน่าจะดีมากกว่าแต่ไม่ใช่ว่าแกล้งไม่ได้หยอกไม่ได้แต่ให้อยู่ในความพอดี อยู่ในพื้นฐานของความจริง อยู่ในความเข้าอกเข้าใจเห็นใจคนอื่น”
ก้าวผ่านการโดนบูลลี่มาได้อย่างไร?
“แก้มมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใส่ใจทุกอย่างก็ได้ในโลกนี้ ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันมาปรับปรุงแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อันนั้นโอเค ถ้าเป็นการติเพื่อก่อ แต่ถ้าบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์มันหมดยุคแล้ว ใครเป็นยังไงก็ดูดีในแบบของตัวเองได้แล้ว ยุคนี้มันเปิดกว้างแล้ว อย่างที่ยุคคุณปู่คุณพ่อคุณแม่ที่มาเรียกเราตามรูปลักษณ์บางครั้งเขาอาจจะมองแค่ว่าเอ็นดูแต่ว่าไม่นึกถึงใจลึกๆของเรา เราไม่ได้ชอบแต่เราจะมองข้ามไปได้มั้ยอยู่ที่จิตใจของแต่ละคนด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับแก้มสิ่งที่ทำได้คือปล่อยวาง เรื่องธรรมมะสำคัญสำหรับเราอยู่แล้ว การที่เรามีสติ คิดและทำอะไรก่อนที่เราจะพูดออกไปหรือว่าเราจะรับฟังอะไรมาเราสามารถวางมันได้มั้ย ทุกอย่างมันปล่อยวางได้ค่ะ”
ขอบคุณรูปจาก : gamwichayanee
