ในทอล์คโชว์ Money Coach On Stage #4 ตอน เรโวรูชั่น : การเงินมีปัญหา ถึงเวลาต้องปฏิวัติ ผมเล่าถึงแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องเงินด้วยความรู้ทางการเงิน โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใคร ซึ่งจะทำให้เราผ่านพ้นปัญหาได้เร็วกว่า (เพราะไม่ต้องรอใคร) และยั่งยืนกว่า (เพราะสร้างและทำด้วยตัวเอง)
วันนี้อยากหยิบมาเล่าอีกสักครั้ง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังหาทางออกจากปัญหาทางการเงินครับ
1) ยึดหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
เอาเข้าจริง ปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา มีเราคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นได้ การเลือกรอความช่วยเหลือนั้น มองในอีกมุมหนึ่ง คือ การหยุดคิด หยุดสู้ หยุดดิ้นรน ซึ่งนั่นเป็นทางของคนที่หมดแล้วซึ่งความเชื่อและความศรัทธาในตัวเอง
ดังนั้น ทางออกที่ใช่ คือ ทางออกที่เราบอกกับสมองตัวเองว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" หากเริ่มต้นคิดได้แบบนี้ ประตูแห่งการรอคอยทั้งหมดก็จะหยุดและปิดตาย ความพยายามและความขวนขวายที่จะสู้ด้วยหนึ่งสมองและสมองมือก็จะเริ่มต้นขึ้น
2) ปลดกับดักรายได้ปานกลาง ด้วยรายได้หลายทาง
ประเทศไทยเป็นประเทศที่รายได้ติดกับดัก ขึ้นช้า เติบโตไม่ทันรายจ่ายและค่าครองชีพ ดังนั้นหากจะคอยหรือหวังว่าวันหนึ่งรายได้จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายรอบตัวที่พุ่งสูงขึ้น รับรองว่าเราไม่มีทางหลุดกับดักชีวิตปานกลางไปได้
วิธีเดียวที่จะทำลายพันธนาการของรายได้ปานกลาง ก็คือ "ทำให้ชีวิตเรามีรายได้หลายทาง" หรือ Multi-Income Stream โดยเริ่มต้นสร้าง งานที่ 2 อาชีพที่ 3 ธุรกิจที่ 4 จากทุนชีวิตที่สะสมมา
ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ เครือข่ายสายสัมพันธ์ และไอเดีย เหล่านี้ คือ สิ่งที่จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นรายได้ได้ทั้งหมด อาศัยเพียงหลักคิด "เปลี่ยนคุณค่า ให้กลายเป็น มูลค่า" เท่านั้น
เช่น หากทำขนมไทยเป็นหรือเคยเรียนทำขนมไทยมา คุณก็อาจมีช่องทางสร้างรายได้เพิ่มมากมาย อาทิ ทำขนมไทยขาย (Direct Product) หรือเปิดสอนทำขนมไทยและอาจรวมไปถึงจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง (Service)
แต่ถ้าทุนน้อย ก็อาจนำความรู้ในการทำขนมของเรา ไปบันทึกเป็นวิดีโอลง YouTube สร้างรายได้เพิ่มในรูปค่าโฆษณา หรือจะเขียนหนังสือสอนทำขนมไทยขาย สร้างรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ก็ได้ (Royalty)
3) ทยอยสะสมความมั่งคั่ง เผื่อไว้วันหน้า
เมื่อเริ่มมีรายได้หลายทาง ก็อย่าหลงระเริงกับรายได้ที่มาก และเพลิดเพลินกับการใช้จ่าย จนลืมสะสม สั่งสม "ความมั่งคั่ง"
จำไว้ว่า "ทุกครั้งที่มีรายได้ไม่ว่าจะมาจากทางใด อย่าลืมแบ่งไว้สร้างหรือสะสมสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มหรือสร้างกระแสเงินสดต่อได้อยู่เสมอ"
เช่น หากมีเงินเก็บ ก็จะมีรายได้เพิ่มจาก “ดอกเบี้ย” แต่หากแปลงเงินเก็บไปเป็นพันธบัตร หุ้น หรือกองทุนรวม ก็จะมีรายได้เพิ่มเป็น “เงินปันผล” หรือหากเอาเงินเก็บไปลงทุนทำกิจการ ก็อาจสร้างรายได้เพิ่มเป็น “กำไร” และหากนำเงินเก็บไปดาวน์ซื้อคอนโดปล่อยเช่า เราก็จะมีคอนโดเป็นทรัพย์สินที่ให้ “ค่าเช่า” เป็นรายได้ส่วนเพิ่ม
หากทุกช่วงชีวิต หรือทุกครั้งที่ได้รับรายได้มาในแต่ละเดือน เราหมั่นแปลงรายได้บางส่วนให้กลายเป็นทรัพย์สินให้เพิ่มจำนวนขึ้นอยู่ตลอดเวลา ชีวิตก็จะเริ่มจะสะสมความมั่งคั่ง ช่วยผ่อนแรงทางการเงิน และทำให้ชีวิตของเรามั่นคงทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ
4) รู้จัก “พอ”
คนเราไม่มีทางค้นพบความมั่งคั่งโดยสมบูรณ์ได้ หากไม่รู้ว่าแค่ไหนคือ “พอ” เพราะเมื่อไม่รู้ว่าแค่ไหนพอ ก็จะรู้สึกขาดแคลนและยังอยากได้อยากมีไปไม่รู้จบ
การรู้จักและเข้าใจตนเอง เข้าใจว่าอะไรคือความสุข อะไรคือชีวิตในแบบที่ต้องการ จะช่วยให้เราประเมินได้ว่า เรามีความจำเป็นต้องใช้เงินมาสนับสนุนความสุขและชีวิตที่ต้องการแค่ไหน และเมื่อทราบเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน ที่เหลือก็แค่จัดหามาให้มีเพียงพอกับที่ต้องการ ซึ่งก็คือการมุ่งมั่นกับการปฏิบัติในข้อ 1-3 ที่เล่าให้ฟังแล้วข้างต้น
ทั้งหมดนี้ คือ 4 แนวทางง่ายๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาการเงินของใครหลายคนที่กำลังขาดแคลน ให้เริ่มกลับมาสะสมความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน สำคัญคือ ต้องคิดเร็ว และลงมือทำให้เร็วด้วยนะครับ
#TheMoneyCoachTH