“เป็นคนไม่ค่อยมีเงินออม ไม่ชอบลงทุน แต่ส่งเสียการศึกษาลูกมาอย่างดี … ถ้าแก่ตัวไป จะหวังพึ่งพารัฐ หรือ พึ่งพาลูกหลานเลี้ยงแบบคนสมัยก่อน ยังได้มั๊ย?
เอาคำตอบแบบไม่ต้องโลกสวยนะ … ผมคิดว่า “ไม่ได้ครับ”คนยุคสมัยนี้แก่ตัวไป อย่าหวังให้ใครมาเลี้ยงดู
ภาวะที่จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆในสังคมไทยคือ Aging Society หรือสังคมคนสูงวัย
ท่านทราบหรือไม่ว่า ในบรรดา 10 ประเทศสมาชิก AEC “อายุเฉลี่ยของประชากร” ในประเทศไทย เราแก่เกือบที่สุด (มีเพียงประเทศสิงคโปร์ที่แก่กว่า) ประเทศอื่นอีก 8 ประเทศเค้ามีประชากรวัยหนุ่มสาวมากกว่าเรา แปลว่า ยุค 10-20 ปีข้างหน้า ประชากรวัยทำงานไทยจะลดลง คนชราจะเพิ่มขึ้น … แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงดูคนชราจำนวนมาก ที่ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายจะเพิ่มขึ้น ไหนจะที่อยู่ อาหาร รักษาพยาบาล…???
ดังนั้นพึ่งพารัฐไม่ได้ครับ
แล้วหวังลูกหลานมาเลี้ยงยังทำได้ไหม? …. ก็ขอเรียนว่าชีวิตเด็กจบใหม่ยุคนี้โหดร้ายกว่ายี่สิบปีก่อนมาก…จบใหม่อายุ 22 เริ่มทำงาน เงินเดือนหมื่นห้า มีพอจ่ายค่าเช่าห้อง ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า ค่าเน็ท ค่ารถไฟฟ้า ฯลฯ
การขึ้นเงินเดือนและโบนัส ก็ไม่ดีเหมือนยุคที่เศรษฐกิจไทยยังเฟื่องฟู การขยายตัวของธุรกิจองค์กรเอกชนใหญ่ๆมีน้อยกว่าเดิมมาก หนำซ้ำธุรกิจเกรดเอองค์กรใหญ่ๆที่เคยดูมั่นคง ก็หันมาลดคน ลดสาขา ลดค่าใช้จ่าย อย่างจริงจัง และทำกันทุกราย …ถ้านึกไม่ออก ให้มองไปที่การทยอยปิดสาขาของธนาคารพาณิชย์ครับ
แค่ลูกหลานทำงาน เลี้ยงตัวเองได้ เก็บเงินเรียนปริญญาโทเอง มีเงินออมเอง มีเงินลงทุนทำธุรกิจเอง โดยไม่ต้องมารบกวนพ่อแม่ ก็ถือว่าบุญโขแล้ว
ดังนั้นพึ่งพาลูกหลานไม่ได้ครับ
นี่จึงเป็นที่มาของ “การออมเพื่อเกษียณ”ที่ต้องทำเพื่อตัวเอง ซึ่งมันสุดแสนจะสำคัญ มี 2 แบบ
- บังคับออม … คือเงินสมทบประกันสังคม ที่รัฐหักเงินเดือนเราไปเติมทุกเดือน ในนั้นมีเบี้ยชราภาพ อยู่ … ปัญหาคือ นั่นเป็นเงินจำนวนน้อยมาก เบี้ยยังชีพชรา มันไม่พอดำรงชีพ
- สมัครใจออม…คือการออมที่เราประกาศกร้าวว่า ขอทำเพื่อชีวิตเราเอง เราจะใส่เงินเย็น ที่เป็นเงินที่หายไปจากชีวิตเราได้ 20 ปี ไปอยู่ในการออมการลงทุน แล้วมันจะกลับมาให้เรากอดชื่นใจในวัยเกษียณ
เพื่อเป็นการกระตุ้นการสมัครใจออม รัฐทั่วโลก จึงมักจะให้แรงจูงใจทางภาษี โดยให้นำยอดเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้ ของไทยเรามี 3 รูปแบบ
หนึ่ง..กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(หรือกบข.) แล้วแต่บริษัท บางที่ให้ออม 5%ของรายได้ แล้วบริษัทจะเบิ้ลให้
สอง..ประกันชีวิต ให้หักค่าเบี้ยประกันได้คนละ 100,000 บาท และให้ประกันบำนาญอีกส่วนหนึ่ง
สาม..กองทุนรวม RMF และ LTFให้หักลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้
การออมเพื่อสมัครใจ ไม่ได้มีประโยชน์กับตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น แต่ยังสร้างความมั่นคงแก่สังคมไทย แก่ประเทศชาติอีกด้วย ดังนั้นถ้าเรารักชาติ…ยุคสมัยนี้ ไม่ต้องไปจับปืน แกว่งดาบที่ไหน
ดูแลตัวเองหลังเกษียณให้ได้ มีเงินออมมาก ลงทุนมาก ไม่เป็นภาระ ไม่หนักใคร แค่นี้ประเทศชาติก็มั่นคงครับ
อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง)
เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย
คอร์สสัมมนา : ติวหุ้น รวยด้วย VI