เจมี่ คาร์ราเกอร์ ยอดปราการหลังระดับตำนานลิเวอร์พูล ยอมรับว่า ไม่เคยย้อนกลับไปชมเกมพ่ายแพ้ต่อเอซี มิลาน 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2007 อีกเลย เนื่องจากยังรู้สึกเจ็บปวด เพราะเชื่อว่าทีมของเขาเล่นดีกว่า และข้องใจกับการจัดทีมของ ราฟา เบนิเตซ
เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 ปีหลังจาก ลิเวอร์พูล เอาชนะเอซี มิลาน เกมโกงความตาย ในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2005 ทั้งคู่โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่หนนี้ทีมปิศาจแดงดำล้างแค้นได้สำเร็จ เมื่อได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากฟิลิปโป้ อินซากี้ ก่อนตีไข่แตกได้ก่อนหมดเวลานาทีเดียวจาก เดิร์ค เคาท์
"ผมไม่เคยย้อนกลับไปดูเกมนั้นอีกเลย มันเป็นเกมที่ทิ่มแทงใจอย่างมาก เนื่องจากผมรู้สึกว่าวันนั้นเราเล่นได้ดีกว่า"
"มันเจ็บปวดมากเกินไป เรามีโชคมากๆเมื่อปี 2005 และเป็นฝั่งมิลานที่อาจมีโชคในเกมนี้ ผมไม่สามารถพาตัวเองออกจากความคิดที่ว่าเราทำได้ดีพอจะเป็นผู้ชนะได้เลย"
"มันเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีม แต่คืนนั้น คุณมองไปที่เคร็ก เบลลามี่ ในซุ้มม้านั่งสำรอง เขาไม่ได้ลงเล่น ทั้งที่ฝั่งคู่ต่อสู้มี มัลดินี่ ซึ่งอายุมากแล้วเล่นอยู่ในสนาม"
"ราฟาให้ เคราช์ กับเบลลามี่ นั่งเป็นตัวสำรอง และใช้เคาท์ เล่นเป็นหน้าเป้า ซึ่งนั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขาเหมาะกับการย้ายไปเล่นทางขวามากกว่า"
"ถ้ามีเคราช์ และเบลลามี่ ซึ่งมีความเร็วอยู่ในสนาม เราจะสร้างปัญหาให้พวกเขาได้มาก ผมจำได้ ตัวสำรองคนสุดท้ายของราฟา คือส่งฟูลแบ็กลงมาแทนฟูลแบ็ก"
"ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงคิดอย่างนั้น อาร์เบลัว ลงมาแทนฟินแนน มันค่อนข้างแปลกนิดๆ เขาเคยเปลี่ยนแบ็กขวาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นมันก็ดูแฟร์ดี"
"เพราะในปี 2005 ถ้าจำกันได้ เราไม่มีมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งเกมที่จะคอยหยุด กาก้า (ฮามันน์แทนฟินแน่น น.46) ส่วนในปี 2007 เราเก็บกาก้าอยู่หมัด เพราะมี มาสเคราโน่ คนที่คอยวิ่งไล่ตามประกบจนตัดเขาออกไปจากเกม แต่สถานการณ์ที่เราต้องการแก้ประตูคืน เราเปลี่ยนมาสเคราโน่ออก จากนั้น กาก้า กลับมาแผลงฤทธิ์เป็นคนจ่ายให้ อินซากี้ ยิงประตูที่สอง"
"เขายิงได้ทั้งที่แทบไม่มีส่วนร่วมมากมายนักตลอดทั้งเกม"
"เขาเก่งมากเรื่องทำประตู อินซากี้ก็คล้ายๆกับ แอนดี้ โคล"
"ผมเจออินซากี้มาแล้ว เขาเล่นได้ดี แต่ผมก็ค้นพาว่า เจอกันโคลงานหนักกว่า เนื่องจากเขาจะวิ่งสอดจากด้านหลังอยู่ตลอดเวลา"
