โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เอเมรีจะเวิร์กไหม? สำรวจผลงานกุนซือสแปนิชที่เคยลุยพรีเมียร์ลีกมาแล้ว

Khaosod

อัพเดต 23 พ.ค. 2561 เวลา 15.47 น. • เผยแพร่ 23 พ.ค. 2561 เวลา 15.45 น.

“ปืนใหญ่”อาร์เซนอล ประกาศแต่งตั้ง อูไน เอเมรี กุนซือชาวสแปนิช เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เรียบร้อยด้วยสัญญา 4 ปี

ซึ่งเอเมรีต้องเจอกับความคาดหวังที่หนักอึ้ง เนื่องจากเป็นการสืบทอดงานต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่ทำทีมมานานถึงกว่า 21 ปี

ทั้งนี้หลายคนที่ยังสงสัยในฝีมือของเอเมรีว่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับลีกอังกฤษได้หรือไม่ อาจจะต้องลองดูจากผลงานเหล่ากุนซือสแปนิชที่ผ่านลีกนี้มาแล้ว

เอเมรีนับเป็นเฮดโค้ชสแปนิชรายที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก แต่ก่อนหน้านี้มีใครบ้าง มาดูกัน

ราฟาเอล เบนิเตซ (ลิเวอร์พูล 2004-10, เชลซี 2012-13, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2016-ปัจจุบัน)

เบนิเตซได้ชื่อว่าเป็นกุนซือจากสเปนรายแรกที่เข้ามาลุยพรีเมียร์ลีก หลังย้ายมาจาก “ค้างคาว”บาเลนเซีย แห่งสเปน

ก่อนหน้าจะมายังแอนฟิลด์ เบนิเตซนำบาเลนเซียได้แชมป์ลา ลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า คัพ 1 สมัย ทำให้แฟนบอล “หงส์แดง” คาดหวังกับกุนซือรายนี้พอสมควร

ซึ่งผลงานตลอด 6 ปีกับลิเวอร์พูล เบนิเตซถือว่าทำผลงานได้ไม่เลว โดยเฉพาะการนำทีมเถลิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2004-05 นอกจากนี้ยังมีแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย

ทว่าเป้าหมายสูงสุดของสโมสรอย่างแชมป์พรีเมียร์ลีก เบนิเตซกลับไม่สามารถนำทีมไปสู่จุดนั้นได้เสียที แถมก่อนแยกทางกันยังนำทีมจบฤดูกาลแค่อันดับ 7 ของลีก ทำให้ผู้บริหาร “หงส์แดง” ไม่ทนอีกต่อไป

จากนั้นปี 2012 เบนิเตซมารับงานรักษาการกุนซือเชลซี หลังจากมีคำสั่งปลด โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งในฤดูกาลนั้นเจ้าตัวนำทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ก้าวสู่แชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก

วันเวลาผ่านไป เบนิเตซกลับมาอังกฤษอีกครั้งด้วยการรับงานคุม “สาลิกาดง”นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในช่วงปลายฤดูกาล 2015-16 แต่ไม่สามารถกู้วิกฤติทีมได้ ทำให้ต้องตกชั้นไปเล่นลีกแชมเปียนชิพ

แต่เบนิเตซตัดสินใจขอลุยกับสโมสรแห่งนี้ต่อ ก่อนจะนำทีมซิวแชมป์ลีกแชมเปียนชิพจนได้กลับมาพรีเมียร์ลีกอีกคำรบ แล้วสามารถประคองตัวอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดผู้ดีเมื่อจบฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านมานี้เอง

ฆวนเด รามอส (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 2007-08)

นี่เป็นกุนซือที่สร้างชื่ออย่างมากสมัยคุมเซบียา แห่งสเปน โดยนำทีมเป็นแชมป์ยูฟ่า คัพ 2 สมัย (คล้ายกับเอเมรีที่เคยนำสโมสรแห่งนี้ซิวแชมป์รายการนี้ 3 สมัย)

แต่การมาอยู่กับสเปอร์สเรียกว่าเอาชื่อมาทิ้งก็ว่าได้ โดยฤดูกาลแรก 2007-08 ทีมจบแค่อันดับ 11 ในลีก แต่ยังดีที่ซิวแชมป์ลีก คัพ เป็นผลงานที่ยังพอยอมรับได้อยู่

เข้าสู่ฤดูกาล 2008-09 เป็นฤกษ์ประหารรามอสอย่างแท้จริง หลังทีมลงเตะ 8 นัดแรกไม่ชนะใครเลย เก็บได้แค่ 2 แต้ม หล่นไปอยู่บ๊วยของตาราง สุดท้ายจึงโดนสั่งปลดแต่หัววัน

จากนั้นรามอสย้ายไปคุมเรอัล มาดริด, ซีเอสเคเอ มอสโก, ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟสกี ก็ไม่รุ่งอีกเลย ก่อนจะรับงานกับมาลากาเป็นที่สุดท้ายในปี 2016 แล้วไม่ได้คุมทีมไหนต่ออีก

โรเบร์โต มาร์ติเนซ (วีแกน แอธเลติก 2009-13, เอฟเวอร์ตัน 2013-16)

ที่จริงแล้วมาร์ติเนซเริ่มต้นงานในเกาะสหราชอาณาจักรกับ “หงส์ขาว”สวอนซี ซิตี้ โดยพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกแชมเปียนชิพ

ก่อนจะย้ายมารับงานกับวีแกน แอธเลติก แทนที่ของ สตีฟ บรูซ ในปี 2009

ซึ่งผลงานในลีกของวีแกนในยุคของมาร์ติเนซนั้นต้องบอกว่าไม่ดีเท่าไหร่ เจียนอยู่เจียนไปเกือบตกชั้นหลายรอบ

ทว่าที่น่าจดจำสุดต้องยกให้ฤดูกาล 2012-13 มาร์ติเนซทำทีมผงาดแชมป์เอฟเอ คัพ ได้แบบเหลือเชื่อ แต่วีแกนก็ตกชั้นสู่ลีกแชมเปียนชิพด้วยเช่นกัน ก่อนที่กุนซือสแปนิชจะชิ่งไปรับงานกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”เอฟเวอร์ตัน ในเวลาต่อมา

มาร์ติเนซประเดิมงานกับเอฟเวอร์ตันด้วยการนำทีมจบอันดับ 5 ได้ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่จากนั้นผลงานของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ออกแนวสาละวันเตี้ยลงเรื่องๆ ก่อนจะถูกปลดในเดือนพฤษภาคม 2016

ปัจจุบันมาร์ติเนซเป็นกุนซือของทีมชาติเบลเยียม ซึ่งกำลังจะเตะฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย

ไอตอร์ การันกา (มิดเดิลสโบรห์ 2013-17)

แม้จะเข้ามารับงานตั้งแต่ปี 2013 แต่ก็ต้องรอถึงปี 2016 กว่าที่การันกาจะนำ “สิงห์แดง”มิดเดิลสโบรห์ คว้ารองแชมป์ลีกแชมเปียนชิพ แล้วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก

แต่ในลีกสูงสุดฤดูกาล 2016-17 มิดเดิลสโบรห์ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของทีมอื่นได้ โดยเฉพาะเกมรุกที่แทบไม่มีความอันตรายเลย

ทีมอาจจะไปได้ไกลถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไร สุดท้ายการันกาก็ถูกสั่งปลด จากนั้นมิดเดิลสโบรห์ก็ตกชั้นไปลีกแชมเปียนชิพอีกครั้ง

ปัจจุบันการันกาคุม “เจ้าป่า”น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมในลีกแชมเปียนชิพอีกราย

เปเป เมล (เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2014)

ในเดือนมกราคม 2014 เมลเซ็นสัญญา 18 เดือนกับ “เดอะ แบ็กกีส์”เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
แต่ต้องรอถึง 7 เกมกว่าที่เมลจะได้สัมผัสชัยชนะนัดแรกในอังกฤษ จากนั้นจบฤดูกาลเวสต์บรอมวิชรอดตกชั้นหวุดหวิดด้วยอันดับ 17

ไม่ต้องแปลกใจว่าต่อมาจึงมีการยกเลิกสัญญากันในที่สุด

จากนั้นเมลกลับสเปนไปคุมเรอัล เบติส ก่อนรับงานล่าสุดกับลา กอรุนญา ในปี 2017 แล้วแยกทางกับทีมในเวลาไม่นานนัก ปัจจุบันยังอยู่ในสถานะว่างงาน

กิเก ซานเชซ ฟลอเรส (วัตฟอร์ด 2015-16)

ที่จริงแล้วกิเกทำผลงานกับ “แตนอาละวาด”วัตฟอร์ด ในฤดูกาล 2015-16 ได้ไม่เลวนัก โดยจบซีซั่นด้วยอันดับกลางตาราง แถมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ

แต่เนื่องจากทัศนคติของกิเกไม่เป็นไปตามแนวทางเดียวกับสโมสร ทำให้สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายตัดสินใจแยกทางกัน

จากนั้นกิเกกลับไปรับงานในสเปนกับ “นกแก้ว”เอสปันญอล แต่เพิ่งถูกปลดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากผลงานไม่น่าประทับใจ

เป๊ป กวาร์ดิโอลา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2016-ปัจจุบัน)

กวาร์ดิโอลาสร้างชื่ออย่างมากในการคุม “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา แห่งสเปน จนกลายเป็นสุดยอดทีมของโลก

แล้วยังมาคุม “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิค ในเยอรมนี ประสบความสำเร็จมากมาย

แต่ในการรับงานกับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กุนซือรายนี้ต้องพบว่ามันไม่ง่ายเลย

แมนฯซิตี้ต้องจบฤดูกาล 2016-17 แบบไร้แชมป์ ทำได้เพียงอันดับ 3 ของลีก ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แบบลุ้นเหนื่อยพอสมควร และเป็นครั้งแรกในชีวิตกุนซือที่กวาร์ดิโอลาต้องรู้จักคำว่ามือเปล่า

ต่อมาฤดูกาลล่าสุด แมนฯซิตี้เหมือนกลับมาเป็นทีมใหม่หลังทุ่มเงินยกเครื่องขุมกำลังชนิดแทบล้างบาง

“เรือใบสีฟ้า” ผงาดแชมป์ลีกโดยทำไปถึง 100 แต้ม พร้อมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ แต่ยังเหลือเพียงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่ยังดูไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร

ซึ่งกวาร์ดิโอลายังเหลือเวลาอีกฤดูกาล ในการนำทัพแมนฯซิตี้เถลิงแชมป์ยุโรปให้ได้

ฆาบี กราเซีย (วัตฟอร์ด 2018-ปัจจุบัน)

กราเซียเข้ามารับงานในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แทนที่ของ มาร์โก ซิลวา ซึ่งโดนปลดเพราะผลงานเริ่มแกว่ง

ผลงานของกราเซียถือว่าไม่หวือหวาอะไรมากนัก แต่ทีมก็อยู่รอดปลอดภัยโดยไม่ต้องลุ้นระทึกมาก จบฤดูกาลอันดับ 14 ของตาราง

ทั้งนี้ยังต้องรอพิสูจน์ฝีมือการทำงานของกราเซียต่อในฤดูกาลหน้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0