โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เอาไปเลยทั้งผัวทั้งเงิน “ศิริพร” ยกบ้าน-รถเบนซ์-เงินสด กว่า 10 ล้านให้ “ผัว” ไม่โกรธ “ลูกบุญธรรม” เชื่อฟ้าลิขิต

Manager Online

อัพเดต 16 มิ.ย. 2562 เวลา 19.19 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. 2562 เวลา 19.19 น. • MGR Online

“ศิริพร” เปิดใจ โดนลูกบุญธรรมแย่งผัว ลั่นถ้าไม่รู้ไม่เห็นกับตาจะไม่เชื่อ ใจพระยกบ้าน-รถ 2 คัน-เงินสดรวมกว่า 10 ล้านให้ผัว จวก "ลูกบุญธรรม" โพสต์ด่าทำไม ไหนบอกว่านับถือ นี่เรียกว่าด่าแม่นะ โต้ข่าวฉิ่งฉาบกับเศรษฐินีจอมเปย์ ท้าให้เอามีดฟันหัวถ้าเป็นเรื่องจริง

หลังจากตกเป็นข่าวสนั่นวงการถูก “ลูกบุญธรรม” ที่ชุบเลี้ยงจากคนใช้มาเป็นลูก อุ้มชูมาเกือบ 10 ปี แย่งสามี “ศิริพร อำไพพงษ์” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังก็เก็บตัวเงียบ แม้ว่าด้านลูกบุญธรรมจะโพสต์แฉว่า ศิริพรทิ้งลูกทิ้งหลานไปอยู่กับ "เล็ก" เศรษฐีนีที่เปย์ให้ทุกอย่าง มีความสัมพันธ์ราวคู่รัก ล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงานทอดผ้าป่าที่วัดป่าสว่างธรรม อุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่ศิริพรอุปถัมภ์จนใครๆ ก็เรียกติดปากว่า วัดศิริพร โดยวันนี้ศิริพรมีสีหน้าสดชื่น ฟ้อนรำแห่ผ้าป่าสนุกสนาน และภายหลังจากถวายผ้าป่าเสร็จ ศิริพรก็ยอมเปิดใจครั้งแรกแบบเต็มๆ ถึงเรื่องราวดังกล่าว โดยเจ้าตัวไม่ขอพูดออกจากปากว่า ถูกแย่งสามี แต่ยืนยันว่าตนเป็นคนที่จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าไม่รู้เห็นกับตา ลั่นอดทนจนถึงที่สุดแล้ว จึงได้ตัดสินใจออกจากบ้านไปเป็นเวลา 1 ปีแล้ว แถมใจพระยกบ้าน รถเบนซ์และรถตู้ พร้อมเงินสดรวมกว่า 10 ล้านให้กับสามี ไม่โกรธลูกบุญธรรม เชื่อฟ้าลิขิตมาแล้ว แต่โพสต์ด่าทำไม ไหนบอกว่ารักแม่นับถือแม่ นี่เรียกว่าด่าแม่!

"อันนี้ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่จะพูดนี่มันเป็นความจริง เราออกจากบ้านมานานแล้ว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าออกมาด้วยสาเหตุอะไร พอมันมาเป็นแบบนี้คนก็ถามมากมายว่าเกิดจากสาเหตุอะไร มันเป็นเรื่องเก่าแล้วแต่เหมือนเอามาเล่าใหม่ พอน้องเขาโพสต์ลงไปมันก็เป็นเรื่อง ที่เป็นเรื่องก็เพราะศิริพรมีชื่อเสียงถูกมั้ยคะ เราก็เลยไม่อยากตอบอะไร ไม่อยากไปอะไรใคร เรื่องมันแล้วไปแล้ว เราไม่โทษใครทั้งนั้น โทษโชคชะตาตัวเองมากกว่า”

“ซึ่งที่ตัดสินใจออกมาก็ไม่โทษใคร เราตัดสินใจดีแล้ว เพราะมันก็น่าจะปีนึงแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งคลินิคนั่นแหละ ถามว่าอะไรที่ทำให้เรารู้สึกทนไม่ไหว คือมันทนมานานนะคะ แล้วเราเป็นคนไม่อะไรกับใคร คืออะไรก็ได้ มันก็พูดยากนะในสิ่งนี้ เอาเป็นว่าออกมาแล้วเราก็สบายใจ อยากจะทำอะไรเราก็ทำ คือเราก็ตั้งใจจะหายไปเงียบๆ ถ้าน้องเขาไม่มาโพสต์ลงว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ว่าศิริพรทิ้งลูก ทิ้งหลาน ศิริพรจะไม่โต้ตอบอะไรเลย และจะไม่ว่าน้องเขาด้วย หนึ่งคือเราเล่นไลน์ไม่เป็น เข้าไปดูอินเตอร์เน็ตไม่เป็น แต่พอมันมีเรื่องแบบนี้เราก็ไม่อยากจะแก้ตัว อายุขนาดนี้แล้วจะให้ไปสู้รบปรบมือกับเด็ก เราคงไม่เอาด้วย เราถอยออกมาเงียบๆ ดีกว่า”

“ถามว่าได้เคลียร์กันมั้ย จริงๆ เรารักทุกคนนะ ใครๆ ก็เรียกเราว่าแม่ เราก็รักทุกคน รุ่นลูกรุ่นหลานเข้ามาอยู่วง เขาก็เรียกเราว่าแม่นาง แล้วเราเป็นคนไม่มีลูก ใครมาเรียกเราว่าแม่เราก็ดีใจ ซึ่งกับน้องเราก็ดูแลมาเกือบจะ 10 ปี ทำซิงเกิ้ลให้ด้วย เพราะเป็นความใฝ่ฝันของน้องเขา เขาอยากอัดแผ่นเราก็ทำให้ ก็หมดตังค์เยอะเหมือนกันนะ ก็ไม่ใช่มีแค่น้องอรหรอกนะ ยังมีอีกหลายคน เราก็ทำให้ไม่ได้คิดอะไร วันที่เปิดคลินิคเรายังพูดเลยว่าดีใจที่เขาจะมาดูแลคลินิคให้ เพราะเขาพูดว่าแก่ไปเขาจะดูแลเลี้ยงเรา ก็ยังบอกว่าอย่าเพิ่งพูดคำว่าเลี้ยงเลย เราไม่ได้ซีเรียสตรงนั้น แต่ก็ดีใจ”

“พ่อแม่แท้ๆ เขาก็ยกให้เรานะ แต่เราไม่เคยไปเซ็นรับใครเป็นลูกบุญธรรม แม้แต่หลานเราเองก็ไม่ได้เซ็นนะ แต่กับน้องอรนี่ใครๆ ก็คงเห็นว่าเดินตามเราตลอด 8-9 ปี เขาก็เดินอยู่อย่างนี้ เราก็ชื่นชมเขานะในการทำงาน แต่วินาทีที่เราก้าวออกไปแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรน้องเขาเลย แต่เขาก็โทรมานะ เขาโทรมาตั้งแต่เราออกมาใหม่ๆ แล้วล่ะ ก็มีการโทรมาว่าจะกลับเมื่อไหร่ยังไง เราก็บอกว่าอยู่ไปเถอะ น้องอรโทรนะ แต่แฟนเราเองไม่เคยโทร ไม่เคยตามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่เป็นไร เราเป็นคนง่ายๆ อยู่แล้ว”

บอกถ้าไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู ก็คงไม่ตัดสินใจออกมา

“คือเรามั่นใจในสาเหตุที่เราออกมาดีกว่า ก็ไม่อยากให้ออกจากปากเราเองนะ คือมันเป็นวิถีชีวิตหรือพรหมลิขิตอันนี้ไม่รู้ แต่โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู เราจะไม่พูดนะ ก็ต้องมั่นใจก่อน แต่ก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรแล้วล่ะ เรื่องมันนานแล้ว เราก็ออกมานานแล้ว เรื่องมันตามหลังมาเพราะน้องเขาไปโพสต์ลงว่าเราหนีหลาน หนีโนน่นี่ ทำไมมาแฉเราอย่างนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่เรียกเราว่าแม่ ไม่มาถามก่อน เท่ากับว่านี่ด่าแม่เลยนะ ซึ่งที่ตัดสินใจปิดคลินิคก็เพราะเราไม่ได้เข้าไปดูตรงนั้น เราก็กลัวจะมีปัญหา เพราะเราก็ดูแลไม่เป็น เราไม่ใช่หมอ เราเป็นหมอลำ แล้วเราก็ไม่ได้ไปบ้านแถวนั้นนานแล้วด้วย ก็เลยตัดสินใจปิด”

โต้เป็นคู่รักหญิงรักหญิงกับ "เล็ก" เศรษฐีนี ท้าให้ฟันหัวถ้าเป็นเรื่องจริง จวก "ลูฏบุญธรรม" ไหนบอกว่า นับถือ แบบนี้นี่เรียกว่าด่าแม่

“แล้วเขาบอกว่าเรารักกับคุณเล็กเหมือนคู่รักใช่มั้ย ก็เอาเป็นว่าคุณรู้อยู่แก่ใจดีว่าคุณเล็กเป็นใคร เขามีลูกมีผัวแล้วค่ะ ไม่อยากพูดถึงนะ เราไม่สามารถไปกั้นใครได้ ไม่สามารถไปกลั้นบุญกรรมใครได้ จะเป็นคุณเล็ก จะเป็นคุณรัตน์ จะเป็นใครก็แล้วแต่เขามาทำบุญร่วมกับเรา เป็นตระกูลใหญ่มากันเลยนะ ไม่ใช่คู่รักแน่นอน มาฟันหัวศิริพรได้เลย นี่ถือว่าคุณด่าแม่ที่คุณบอกนับถือแม่นะ มันสวนทางกันหรือเปล่า เอาเป็นว่าคนที่อยู่รอบข้างเราเขารู้เรื่องดี เราไม่เคยพูดว่าตัวเองดีนะ อย่าเอาเรื่องตัวเองโยงไปหาคนอื่น ถ้าคุณนับถือถึงความเป็นแม่ ทำไมมาด่าแม่ตัวเองล่ะ เราไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์อะไรเลย”

“ก็เอาเป็นว่าเขาสองคนรู้ดีว่าที่เราออกมาเพราะอะไร ก็ออกมาตามประสาโง่ๆ ของเรานี่แหละ เพราะเราเป็นคนโง่ไง ไม่ได้เคลียร์อะไรด้วย ก็ออกมาโง่ๆ เลย ถามว่าตกใจในสิ่งที่เขาโพสต์มั้ย ก็ตกใจนะ ทำไมโพสต์ฆ่าตัวเองอย่างนี้ แต่พอเขาโพสต์ปุ๊บจากที่ไม่มีคนรู้เรื่องเลย คนก็รู้หมด ก็โดนถล่มเลย นี่เขาสาวตัวเองนะ ทำไมไม่มาปรึกษากันดีๆ ก่อนจะมาโพสต์ว่าศิริพร เขาก็รู้นิสัยศิริพรดีนี่ แต่ถามว่าจะเคลียร์กันได้มั้ย คือเคลียร์เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ได้ทะเลาะอะไรทั้งนั้น ก็คือเคลียร์กับตัวเราเองนี่แหละ ไม่เป็นไร เรื่องจะจริงหรือไม่จริงศิริพรไม่ขอพูด อย่าให้มันออกจากปากศิริพรว่าเขาเป็นอะไรกัน ไม่เอา เพราะเราแก่แล้วคงไม่ไปสู้รบปรบมือกับเด็ก คืออายุขนาดนี้ยังมีข่าวแบบนี้อีกเหรอ”

“นี่จริงๆ เราก็จะไม่เซ็นสัญญาต่อกับบริษัทนะ แต่บริษัทเขาไม่ยอม เพราะบริษัทเขาดูแลเรามา เราก็แล้วแต่บริษัทว่าจะยังไง ถ้าเห็นว่าเรายังร้องเพลงได้อยู่ก็ให้ร้องไป ซิงเกิ้ลล่าสุดก็ชื่อ คนนี้ผัวเฮา เราก็ไม่รู้หรอกว่าเพลงนี้มันจะไปโดนใจใครบ้าง แต่มันโดนหลายคนแน่นอน มันเป็นเพลงที่เขาแต่งมาให้ แต่งอะไรมาเราก็ร้องไปตามนั้น ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องมาตรงกับเรื่องนี้ (หัวเราะ) ตอนแรกยังตกใจเลยว่าทำไมเอาเพลงวัยรุ่นมาให้ร้อง นี่ยังไม่รู้เลยว่าอาจารย์คนไหนแต่งให้ (หัวเราะ) เราก็ไม่เคยไปเล่าเรื่องอะไรให้เขาฟังนะ”

สามีเอ่ยขอบ้าน เลยตัดสินใจยอมยกบ้านให้สามี แถมรถสองคัน และเงินสดรวมกว่า 10 ล้านบาท

“เราเกลียดใครไม่เป็นนะ และที่ตัดสินใจเก็บกระเป๋าออกมาก็เพราะเราเลือกเอง เจ็บเอง ไม่เป็นไร ไม่อยากให้พี่น้องมายุ่งด้วย ก็ไม่ใช่ว่าไม่รักนะ ก็รัก เพราะแฟนเราเขาก็ดี เพราะเราไม่เคยมองคนในด้านลบ มองคนในด้านบวกตลอด ใครที่มาอยู่กับเรา เราจะขออยู่สิ่งหนึ่ง ไม่ได้ขอเงิน ไม่ได้ขอให้ทำโน่นทำนี่ ขอแค่ความจริงใจให้เราหน่อย อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยกันทำมาหากินอยู่แล้ว แต่ถามว่าจะตัดสินใจเลิกกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ สมบัติที่ทำมาร่วมกันล่ะ ก็ต้องบอกว่าทุกอย่างเราซื้อเงินสดหมด ก็ตัดสินใจจะให้บ้านเขาหลังนึง รถสองคันก็ให้เขาไป ให้เบนซ์กับรถฮุนไดแล้วก็เงินหลายล้านอยู่ เขาก็มีของเขาด้วย ก็ไม่เป็นไร”

“ก็น่าจะ 10 ล้านอยู่นะ แต่หลังใหญ่ยังเป็นของเรานะ ส่วนหลังเล็กให้เป็นของเขา แต่ทีนี้ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร อาจจะไปยึดติดเกินไปหรือเปล่า เขาเคยบอกว่าถ้าเขาทำผิดเขาจะเดินไปแต่ตัว แต่ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าเขาขอบ้าน ไปโอนให้เขาซะ แต่เราก็ยังไม่ได้โอนนะ เพราะยังไม่มีเวลา ก็คิดว่าจะให้อยู่นะ ก็คิดว่าจะให้บ้านกับรถสองคันนั่นแหละ เงินสดก็มีบ้าง แต่ไม่ขอพูดจำนวนดีกว่า”

“เราก็ถามเขาเหมือนกันนะว่า ทำไมอยากได้มากจัง ทำไมใจร้อนจัง เขาก็บอกว่ามันเซ็นแก๊กเดียวก็ได้แล้ว เราก็อัดเสียงไว้หมดนะ ก็บอกเขาว่ายังไม่มีเวลาเลย เขาก็อารมณ์ขึ้น ด้วยความที่เขาเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว เขาเกิดปีขาล น้องเขาก็เกิดปีขาลนะ เราก็คิดว่าเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันนะ แต่เราน่ะเกิดปีมะโรง เขาก็ว่ามะโรงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้นะ เพราะเราเลื้อยหนีไปเลย (หัวเราะ) ก็ไม่ต้องทะเลาะ ไม่ชอบทะเลาะ มันเหนื่อย”

บอกไม่โทษใครทั้งนั้น แต่โทษชะตากรรมตัวเองที่ต้องมาเจอแบบนี้

“เราไม่โทษใครนะ ตัวแฟนเราเองก็ไม่โทษ ตัวน้องเขาเราก็ไม่โทษ โทษดวงชะตาตัวเองมากกว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ ขนาดทำบุญอย่างนี้ยังเป็นอย่างนี้ เขาก็ดีในส่วนของเขา เราไม่คิดจะโพสต์อะไรหรอก ไม่รู้จะโพสต์อะไร เพราะคนก็รู้จักเรามากี่สิบปีแล้วล่ะ เราก็ไม่เคยไปมีเรื่องกับใครนะ ไม่ได้อยากไปออกรายการไหนด้วย ถ้าไม่จำเป็นเรายังไม่อยากไปออกรายการให้แกรมมี่เลย แต่พอบอกเขาว่าเราจะไปอยู่เมืองนอก เขาก็จัดให้วันเดียว 6 รายการเลย (หัวเราะ)”

อำลาวงการ

“อำลาจริงๆ ก็คงจะไปอยู่ต่างประเทศ แต่เราก็คงไปๆ มาๆ แหละ ก็จะไปมันทุกประเทศเลย ให้รางวัลตัวเองไง ที่ไหนจ้างก็ไปที่นั่น แล้วเรามีพี่สาวอยู่ที่เมืองนอกอยู่แล้ว เขามีบ้านอยู่ที่ลาสเวกัส แฟนเพลงก็บอกให้มาเลย มาแล้วจะต้อนรับเต็มที่ (หัวเราะ) คนเรามันจะกินกันสักเท่าไหร่ เราก็กินแค่อิ่ม เราชอบเลี้ยงคน แต่อันนี้เราก็ถือว่าให้ทาน ให้บุญ อิ่มบุญ อิ่มสุข อิ่มใจ ถามว่าจะซื้อบ้านใหม่มั้ย (หัวเราะ) บ้านมีเยอะแล้ว บ้านที่อุดรฯ ก็สร้างติดกันเลย 3 หลัง คิดอยู่ว่าจะเดินยังไงให้รอบ คงต้องวิ่งแล้วล่ะ (หัวเราะ) ชีวิตหลังจากนี้เหรอ จริงๆ เราเป็นคนไม่ตั้งเป้านะ เอาวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า"

“แต่เรื่องอำลาวงการนี่คิดจริงๆ นะ แกรมมี่เขาก็เปิดไฟเขียว เขาบอกว่าแล้วแต่เธอ อยากร้องเธอก็ร้อง ไม่อยากร้องเธอก็ไม่ต้องร้อง อันนี้คือเรื่องจริง ที่ปิดคลินิคแล้วจะไปอยู่เมืองนอกก็นี่แหละ มันเหมือนคนกินอิ่มแล้วน่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะหายไปเลยนะ อยากร้องก็ร้องค่ะ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0