โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เอาไงแน่? จ่อล้มมติแบน 3 สาร 1 ธ.ค. หลัง 5 ประเทศส่งหนังสือจี้ไทยแจงเหตุผลตามกฎ WTO

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 22 พ.ย. 2562 เวลา 14.19 น. • เผยแพร่ 22 พ.ย. 2562 เวลา 14.19 น.
72585477_2539149726321352_4882154836499365888_n
เอาไงแน่? จ่อล้มมติแบน 3 สาร 1 ธ.ค. หลัง 5 ประเทศส่งหนังสือจี้ไทยแจงเหตุผลตามกฎ WTO ปลัดเกษตรเตรียม 3.2 หมื่นล้านเยียวยาเกษตรกรหากมีผลทันที

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรสามชนิด ว่า กรมวิชาการเกษตร ได้รายงานในที่ประชุมว่า จะยืดระยะเวลาการจัดการหรือการบังคับใช้การยกระดับ 3 สารเคมีเกษตรเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่ห้ามนำเข้า ห้ามส่งออก ห้ามใช้ และห้ามมีไว้ครอบครอง ‪ในวันที่ 1 ธ.ค. 2562‬ ออกไป อีก 6 เดือน เนื่องจากจะต้องมีระยะเวลาสำหรับการบริหารจัดการสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ที่ขณะนี้ยังมีอยู่ในประเทศไทยกว่า 20,000 ตัน

ทั้งนี้ ต้องรอให้กรมวิชาการเกษตรหารือในทีป่ระชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าจะใช้วิธีเลื่อนการแบน หรือจะใช้กำหนดการแบนเดิมที่‪วันที่ 1ธ.ค.2562‬ แต่ให้มีไว้ครอบครองได้หลังประกาศในราชกิจการนุเบกษาอีก 6 เดือน โดยเชื่อว่าปริมาณ 3 สารที่มีอยู่ในไทยจะหมดไปได้

“ที่กรมวิชาการเกษตรมารายงานตรงนี้เพราะในการประชุมครั้งก่อนผมสอบถามไปว่ายังมีปริมาณ 3 สารเคมีอยู่เท่าใด ในตอนนั้นระบุว่ายังคงเหลือ 38,000 ตัน เลยเสนอแนวทางไปให้ปรับวิธีการจัดการ ตอนนั้นผมเสนอให้ส่งกลับไปยังประเทศที่นำเข้ามา ซึ่งจากการหารือแล้วการย้อนศรออกไปก็ทำได้ ถ้าเป็นวัตถุอันตรายที่ยังเป็นสารชั้นต้น แต่ถ้านำมาทำเป็น finished Product หรือสารขั้นปลายจะส่งออกไปไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศใช้ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นในวันนี้กรมวิชาการเกษตรเสนอมาว่า จะยืดระยะเวลาการจัดการหรือการบังคับแบนออกไปอีก 6 เดือน”

นายอนันต์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม งานหลักของคณะกรรมการชุดนี้คือการรองรับผลกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งอยู่ภายใต้สมมติฐานว่าถ้ามีการแบ่งวันที่ ‪1 ธันวาคม‬นี้จะมีผลกระทบอะไรบ้าง และจะเยียวยาและชดเชย ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประมาณเท่าไหร่ โดยให้แต่ละกลุ่มเสนอโครงการเข้ามาแต่ในที่ประชุมถกเถียงกันและให้กลับไปทำใหม่ แต่ข้อเสนอที่มีมาเบื้องต้นรัฐต้องใช้เงินชดเชยให้เกษตรกร 32,000ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชอุตสาหกรรมร่วม 600,000 ครัวเรือน

อย่างไรก็ตามขณะนี้ 5 ประเทศ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา สหรัฐอเมริกา ทำหนังสือมาให้ไทยแจ้งรายละเอียดของการแบน 3 สาร พร้อมทั้งให้นำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันการตกค้างของสารเคมี ในผลผลิตด้านการเกษตร จนนำมาซึ่งการแบน 3 สาร ซึ่ง 5 ประเทศที่ส่งหนังสือมาถึงไทย เพื่อขอให้ไทยชี้แจงรายละเอียด ของการแบน เพราะตามระเบียบสากลของโลก หรือตามระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO)หากจะมีการแบนสารเคมีใด ประเทศที่ดำเนินการแบนต้องส่งหนังสือแจ้งกับประเทศสมาชิก ก่อน 60 วัน ซึ่งเงื่อนเวลาที่จะแบน ‪1 ธ.ค.‬ไม่ถึง 60 วัน หลายประเทศบอกว่าไทยทำผิดกติกาสากล

นอกจากนี้ทั้ง 5 ประเทศ ก็กังวลว่าจะไม่สามารถส่งออกสินค้าทางการเกษตร อาทิ ข้าวสาลี ถั่วเหลือง เป็นต้น มายังประเทศไทยได้

“ต่างประเทศส่งหนังสือถึง มกอช. เรื่องผลกระทบหากไทยแบน 3 สาร จะกระทบการส่งออกของเขามายังประเทศไทย ซึ่งจะต้องนำเสนอกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ยอมรับว่า หากแบน 3 สาร ทันที‪ในวันที่ 1 ธ.ค.2562‬ นักวิชาการ เอกชนและเกษตรกรก็ช็อค เพราะเดิมคิดว่า อยู่ระหว่างการจำกัดปริมาณการใช้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายยอมรับว่าการประกาศยกระดับ 3 สารเป็นวัตถุอันตรายประเภท 4 และนำไปสู่การแบน‪ในวันที่ 1 ธ.ค.‬ นั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปศุสัตว์เพื่อการส่งออก อุตสาหกรรมน้ำมันพืช มาม่า ทุกยี่ห้อทำจากแป้งสาลี ก็จะไม่สวามารถนำเข้ามาผลิต หรือแม้แต่นำมาเพื่อจำหน่ายได้”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0