และแล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ ก็กลายเป็นอดีตกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย หลังบอร์ดบริหารทัพ "ปีศาจแดง" หมดความอดทนกับผลงานอันสุดห่วย ประกาศปลดทิ้งกลางอากาศ
ความพ่ายแพ้ต่อคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล 3-1 ประตู เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่่านมา เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่รูปเกมอันสุดแสนจะทุเรศ และ บุกสู้ "หงส์แดง" ไม่ได้เลย เป็นสิ่งสาวก "ผีแดง" ส่วนใหญ่รับไม่ได้
ทีนี้คำถามต่อมาคือ แล้วใครจะเข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก "น้ามู" ซึ่งจากแถลงการณ์ของทัพ "ปีศาจแดง" ยืนยันแล้วว่าจะใช้กุนซือรักษาการคุมทีมไปจนจบฤดูกาลนี้ และค่อยตั้งกุนซือถาวรกุมบังเหียนแบบเต็มรูปแบบในฤดูกาลหน้า ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้างที่อยู่ในข่ายจะเข้ามาคุมทีมแทน มูรินโญ่
1.เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
ตลอด 4 ปีกว่า ที่กุมบังเหียนทัพ “ไก่เดือยทอง” โปเช็ตติโน่ ยกระดับ สเปอร์ส ขึ้นมาได้มากโข แถมดันแข้งดาวรุ่งขึ้นมาเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่อีกด้วย ทำให้ทุกวันนี้พวกเขาคือทีมระดับท้อปของลีกผู้ดีไปแล้ว นอกจากฝีมือการทำทีมที่แจ๋วเกินอายุ เฮดโค้ชรายนี้ยังมีสไตล์การทำทีมที่น่าจะเหมาะสมกับจิตวิญญาณของ “ปีศาจแดง” นั่นคือการเดินเกมรุกเต็มสูบ เดินหน้าฆ่ามัน ไม่ใช่เอะอะเอาแต่จอดรถบัสเหมือนทุกวันนี้ แต่ปัญหาคือ "พอช" จะยอมทิ้งทีมที่เขาอุตส่าห์บรรจงสร้างขึ้นมากลางฤดูกาลหรอ?
2.ซีเนอดีน ซีดาน (ว่างงาน)
ดีกรีแชมป์ยุโรป 3 สมัย ใน 3 ปีที่คุม เรอัล มาดริด น่าจะเป็นเครื่องการันตีฝีมือของ อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีใครค่อนขอดว่า "ราชันชุดขาว" ใครคุมก็แชมป์ แต่ถามหน่อยที่ผ่านมาเคยมีใครทำได้รึป่าว? ก็ไม่. .. แต่คำถามคือ ซีดาน กับฟุตบอลอังกฤษจะไปด้วยกันได้มั้ย? เพราะสมัยเป็นนักเตะ "ซิซู" ก็ไม่เคยมาเล่นในอังกฤษเลย อาจจะต้องใช้เวลาสักพักที่จะเรียนรู้สไตล์ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นปัญหา เพราะอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ปรับตัวได้แบบสบายๆ
3.ไมเคิ่ล คาร์ริค (สต้าฟฟ์โค้ช แมนฯ ยูไนเต็ด)
เนื่องจาก "ปีศาจแดง" จะยังไม่ตั้งกุนซือถาวร แต่จะใช้รักษาการจนจบฤดูกาลนี้ก่อน นั่นทำให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค ซึ่งถือเป็นคนในและรู้ระบบของทีมมากที่สุด ณ ตอนนี้ กลายเป็นเต็ง 1 ไปโดยปริยาย แต่จะได้ทำถาวรมั้ย ก็ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามแล้วหละ จริงอยู่ที่ คาร์ริค มีดีเอ็นเอ ความเป็น "ผีแดง" อยู่ แต่ปัญหาคือพี่แกยังไม่เคยคุมทีมไหนเลย และเพิ่งถูกดันให้มาเป็นโค้ชในฤดูกาลนี้เอง ฉะนั้นเรื่องความสามารถ เป็นสิ่งที่ต้องรอดูและใช้เวลาพิสูจน์
4.อันโตนิโอ คอนเต้ (ว่างงาน)
อดีตกุนซือทีมชาติอิตาลี พิสูจน์ตัวเองในเวที พรีเมียร์ลีก มาแล้วกับ เชลซี มาปีแรกก็พาทัพ "สิงห์บลูส์" สอยแชมป์ลีกสูงสุดได้เลย ฉะนั้นเรื่องสไตล์การคุมทีมกับฟุตบอลอังกฤษ ไม่ใช่ปัญหา เรื่องความสามารถก็ไม่มีใครกล้าเถียง แต่เรื่องแผนการเล่นที่พี่แกชอบใช้นี่สิ คอนเต้ จะชอบหลังแน่นๆ เริ่มต่อบอลทำเกมจากแดนหลัง ซึ่งแนวรับ "ปีศาจแดง" ชุดนี้ มันทำไม่ได้! ถ้ามาจริงอาจจะต้องซื้อกองหลังยกแผง อีกเรื่องคือ พี่แกเป็นพวกไม่ชอบให้บอร์ดบริหารเข้ามาแทรกแซง ยอมหักไม่ยอมงอ ทำให้อาจมีปัญหากับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก็ได้
5.โลร็องต์ บล็องก์ (ว่างงาน)
เตะฝุ่นหางานมานาน 2 ปีกว่า หลังจากแยกทางกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2016 ตอนนี้อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ บล็องก์ จะกลับมาโลดแล่นในตำแหน่งกุนซืออีกครั้ง ซึ่งจริงๆ แล้วเกียรติประวัติของเจ้าตัวในการคุมทีม จัดว่าดีเยี่ยมเลยด้วย พา บอร์กโดซ์ เป็นทริปเปิ้ลแชมป์ คุม เปแอสเช ก็สอยแชมป์ลีก 3 ปีติด บอลถ้วยก็ซิวมาเพียบ คุมทีมชาติฝรั่งเศส ก็ไม่ได้แย่ แถมสมัยเป็นนักเตะก็เคยมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งด้วย ฉะนั้นถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
6.เลโอนาร์โด้ ยาร์ดิม (ว่างงาน)
ยาร์ดิม ถือเป็นกุนซือที่อายุยังไม่มาก แต่ประสบการณ์เยอะ ด้วยวัยแค่ 44 ปี พี่แกผ่านงานคุมทีมชุดใหญ่มาแล้ว ถึง 7 สโมสร นี่ยังไม่นับรวม สมัยเป็นผู้ช่วย หรือคุมทีมชุดเยาวชนนะ แต่ที่โด่งดังและสร้างชื่อให้แกได้มากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการหักปากกาเซียนพา โมนาโก คว่ำ เปแอสเช ซิวแชมป์ลีกได้สำเร็จ เมื่อฤดูกาล 2016/17 พร้อมสอยรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลไปครองด้วย ก่อนจะโดนสโมสรไล่ขายนักเตะทิ้ง จนทีมตกต่ำ ทำให้เจ้าตัวโดนไล่ออกไปในที่สุด เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
