โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"เอส กันตพงศ์" ไม่กดดัน "คริสติน่า" คว้าดอกไม้เจ้าสาว

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง

อัพเดต 13 ธ.ค. 2562 เวลา 11.12 น. • เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2562 เวลา 23.30 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

บอกเล่าความภูมิใจตัวแทนถ่ายหนังสั้น "ยูนิเซฟ"

ว้าวๆๆๆ กลับมาให้ลุ้นสนุกบู๊สนั่นอีกครั้ง สำหรับละครน้ำดี “สารวัตรใหญ่” ทางช่อง 7 HD ที่กลับมารีรันส่งท้ายปีให้แฟนๆได้ติดตามกัน ทำให้พระเอกมาดเข้ม เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ปลื้มมากเพราะเป็นสิ่งไม่คาดคิดมาก่อน หนุ่มเอสยอมรับครั้งหนึ่งเคยคิดสมัครเป็นนักเรียนตำรวจก่อนชีวิตพลิกผัน ส่วนเส้นทางความรักกับคริสติน่า วิงเคลอร์ แฟนสาวชาวเยอรมัน สวีตหวานตามสไตล์รุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง มีแพลนแต่งงานเอาไว้ในใจแล้วล่ะ ใน “คนดังนั่งคุย”

เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อละครกลับมารีรันอีกครั้ง

“ดีใจครับเพราะยังไม่ทันได้คาดคิด เพราะละครเพิ่งออกอากาศไปตอนต้นปี ปลายปีได้กลับมารีรันอีกรอบ แสดงว่าแฟนๆให้การตอบรับดีจริงๆ รอบนี้สำหรับใครที่เคยดูไปแล้ว และยังติดใจกับละครสารวัตรใหญ่อยู่ก็กลับมาดูซ้ำได้ ใครที่ยังไม่เคยดูก็ต้องแนะนำให้ดูเลย เพราะว่าละครเรื่องนี้มันสะท้อนสังคมมากๆ ทั้งในมุมของประชาชนเองก็ตาม บางสิ่งบางอย่างที่คุณบอกว่าตำรวจทำผิดเนี่ย ถ้าเราไม่ได้ไปยอมที่จะทำผิดตาม เพื่อเพียงแค่อำนวยความสะดวกเล็กน้อย ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะทำผิดได้ เรื่องนี้เลยสะท้อนทุกมุมเลยครับ”

*ทุกวันนี้ยังจำบทได้อยู่ไหม *

“ถ่ายมานานแล้วนะครับ แต่ในละครจะมีคำพูดคมๆหลายฉาก อย่างฉากที่ดุลูกน้องบนโรงพัก คือลูกน้องไปจับประชาชนที่ไม่สวมหมวกกันน็อก แล้วสารวัตรใหญ่ก็จะสอนว่า ถ้าพวกคุณจับประชาชนได้ ผมก็จับพวกคุณได้ เพราะผมก็ยังเห็นพวกคุณขี่มอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก แล้วก็ขี่รถย้อนศรเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นกระแสในพันทิปจะมาเยอะมาก แบบว่าสะใจ คือเนี่ยๆ คือเรื่องจริงที่ได้เห็น”

ฟีดแบ็กหลังจากที่ละครเรื่องนี้ออนมันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงบ้างมั้ย

“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและภูมิใจมากๆ คือ เจอน้องๆ เด็กๆเยาวชนที่ไหน เขาจะวิ่งเข้ามาแล้วบอกว่า พี่ครับโตขึ้นผมอยากเป็นตำรวจที่ดีครับ อันนี้คือสิ่งประจำที่เจอ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจริงๆตัวผมเองก็อยากเป็นตำรวจเหมือนกัน ตอนเด็กๆผมเคยได้ดูสารวัตรใหญ่ และผมก็อยากจะโตมาเป็นตำรวจดีๆ เท่ๆแบบนี้ ขนาดเราเคยไปสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจแบบนี้มาแล้วตอนมัธยม รู้สึกภูมิใจ สิ่งนี้ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้เราตอนเด็กๆ วันนี้เราได้กลับมาเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในยุคนี้ได้ดูอีกทีนึง”

>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<

เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่ไปต่อ ไม่ได้สมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจ

“ผมตัดสินใจเปลี่ยนใจในห้วงสุดท้าย ตอนที่ตัดสินใจจะเป็นตำรวจกับเลือกสายธุรกิจ เพราะว่าการที่จะไปเป็นตำรวจ เด็กๆเราคิดแบบนั้น คือเราชอบในหน้าที่ ในขอบข่ายของงานตำรวจ แต่พอเริ่มโตมาเราก็จะเริ่มเข้าใจว่า มันก็จะมีขอบข่ายหลายอย่างที่เราทำแล้วเราเริ่มไม่สบายใจ แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเข้าไปคงมีปัญหาแน่ๆ มาพอดีกับจังหวะที่เจออาจารย์สอนพิเศษ ท่านแนะนำเกี่ยวกับสายอาชีพต่างๆ ตอนนั้นผมน่ะอยู่ ม.3 เขาก็ยกตัวอย่าง ตำรวจ ข้าราชการ ครู นักธุรกิจ เราก็คิดว่านักธุรกิจมันก็ตอบโจทย์เราหลายอย่างเหมือนกันนะ มันสามารถตอบแทนประเทศชาติได้ แล้วก็คล่องตัวด้วย ไม่ได้ติดอยู่ในเรื่องของกฎระเบียบเท่าไหร่ ไม่ได้มีใครมาตีกรอบว่าคุณทำดีได้ โดยขั้นตอนแบบนี้ แบบนั้น ผมเลยคิดว่านักธุรกิจน่าจะตอบโจทย์มากกว่า”

พอมาเรื่องสารวัตรใหญ่ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเหตุการณ์มันหวนกลับมาอีกครั้ง

“ความจริงผมเล่นเป็นตำรวจมา 3 เรื่องติดเลยนะครับ คือสารวัตรใหญ่ เล็บครุฑ กุหลาบเกราะเพชร ตั้งแต่เด็กผมก็จะคลุกคลีกับเพื่อนคุณพ่อที่เป็นตำรวจหมด หลายๆคนเลยบอกว่าพอเราเล่นแล้วคาแรกเตอร์เราออกมาเป็นตำรวจจริงๆ คนเชื่อว่าเราเป็นตำรวจจริงๆ ด้วยเหตุนี้ล่ะครับ แล้วคนก็ไม่รู้ผมเองเคยไปเข้าค่ายฝึกเพื่อจะเป็นนายร้อยอยู่ 2-3 เดือน ไปฝึกกับเขา เราก็ซึมซับสิ่งเหล่านั้นมา บุคลิกภาพ คำพูด คำจา คำสั่งของตำรวจจริงๆ ก็เลยทำให้เราได้ใช้ เวลาเล่นละครทำให้เราอินไปกับตัวละคร”

ล่าสุดมีโอกาสได้ถ่ายหนังสั้นกับยูนิเซฟ เอสไปที่ไหน

“ผมไปประเทศมาดา-กัสการ์ครับ ที่ไปจะมี 2 ส่วนในเรื่องของน้องที่ไม่มีอาหารทาน ขาดสารอาหาร ผมไปในส่วนของเรื่องน้ำ ไม่มีน้ำที่สะอาดบริโภค อุปโภคก็ไม่มี คือแทบไม่มีเลยสำหรับน้ำสะอาด ที่ไปเราเดินทางไปมาดากัสการ์ พี่ๆก่อนบินเขาก็พูดนะว่าเดินทางลำบากนะ เราก็คิดว่าพี่ๆเขาคงพูดให้เรากลัว พูดให้เกินความจริงไว้ เส้นทางพี่เขาอธิบายว่า เส้นทางมันลำบากนะเป็นลูกรัง ตอนฟังเราก็แหม…ถ้าอย่างดอยปางอุ๋ง เราก็เคยผ่านมาแล้วนะ แต่พี่เขาบอกว่าลำบากกว่านั้นเยอะ รอบนี้ผมเลยไปรณรงค์ให้ทุกคนร่วมบริจาคเงิน โดยในวันที่ 11 ม.ค.2563 เราจะมีการเรี่ยไรเงินซื้อชุดกรองน้ำให้เด็กๆที่มาดากัสการ์ ชุดนึงราคาเพียงแค่ 700 บาทเอง เป็นถังแกลลอนใหญ่ๆ 2 ถัง คือน้ำที่เป็นสีน้ำตาลๆ ต้มเสร็จรอให้เย็นแล้วเทลงถัง มันก็จะกรองอะไรออกมา ซึ่งทำให้น้ำสะอาดมากขึ้น ผมมองว่าเป็นสิ่งที่พวกเราช่วยกันได้ ตอนนี้ยูนิเซฟก็บริจาคแล้ว 2.5 ล้านดอลลาร์ให้กับรัฐบาลมาดากัสการ์ เพื่อนำมาสร้างบ่อบำบัดน้ำ ซึ่งใน 3-4 ปีนี้ มันจะต้องเสร็จ เพื่อให้ชาวบ้านเขาได้ใช้งานกัน”

ความภาคภูมิใจในการเป็นตัวแทนคนหนึ่งของโครงการนี้

“ต้องขอบคุณยูนิเซฟที่เห็นศักยภาพในตัวเรา ว่าเราสามารถทำภารกิจตรงนี้ได้ เชื่อว่าเราเป็นกระบอกเสียงที่ดี ที่เราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้คนที่อยู่ในเมืองไทยที่ไม่มีโอกาสได้ไปได้เข้าใจเรื่องราวนี้กับโครงการนี้ได้อย่างดีที่สุด เราภูมิใจมากๆ และผมก็พยายามถ่ายทอดทุกเรื่องราว เป็นกระบอกเสียงให้ดีที่สุด มีรูปอีกหลายๆ รูปที่ผมยังไม่ได้ลงต้องรอให้สารคดี คือเราไปที่โน่น เราได้ถ่ายทำสารคดีด้วย ต้องรอให้สารคดีออกอากาศก่อน ในวันที่ 11 ม.ค. ผมก็จะทยอยลงรูปต่างๆที่ผมได้เห็นกับตาโพสต์ลงด้วย ผมมองว่าเรื่องนี้ทุกคนช่วยได้จริงๆ”

หลังๆเอสก็จะมาทางสายปฏิบัติธรรมอยู่นะ

“จริงๆเป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ตอนเรียน ถ้าผมเป็นตำรวจ ผมอาจจะไม่ได้ทำเท่าขนาดนี้ ต้องขอบคุณชะตาชีวิตที่ทำให้เราตัดสินใจมาในเส้นทางของธุรกิจ จนทำให้เราได้มาพบกับพี่เอ-ศุภชัย จนทำให้เราได้มีชีวิตแบบทุกวันตอนนี้ และสามารถใช้สิ่งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ได้”

*ซึมซับในเรื่องพุทธศาสนา เคยมีความคิดที่จะบวชแบบไม่สึกมั้ย *

“ที่บ้านผมก็ยังไม่อยากให้ผมบวชเท่าไหร่ เขาอยากให้เราทำในทางโลกให้เต็มที่ก่อน เราเองก็ยังมีความต้องการในทางโลกอยู่ และมีอีกหลายอย่างที่เรายังทำไม่สำเร็จและอยากทำให้สำเร็จเสียก่อน จริงๆก็มีวางแผนในชีวิตเอาไว้ ทั้งทางโลกและทางธรรม คือในทางโลกก็มีหลายอย่าง ทั้งเรื่องความรัก เรื่องธุรกิจ การงาน ที่เราอยากจะทำ ถ้าเราสำเร็จในทางโลกของเราในหลายๆเรื่องที่วางเอาไว้ เราก็จะช่วยคนได้เยอะเลยนะครับ ในแบบที่เราวางเป้าหมายเอาไว้ หลังจากนั้นค่อยมาคิดต่อว่าคุณจะไปสันโดษ ไปปฏิบัติธรรมในแบบของฆราวาส เป็นฆราวาสก็สำเร็จในธรรมได้ แต่มันยากกว่าเท่านั้นเอง”

เคยชวนแฟนไปปฏิบัติธรรมด้วยกันเลยมั้ย

“แฟนผมเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนไทย ก็อาจจะไม่ได้มีวัฒนธรรม หรือศาสนาแบบเดียวอย่างที่คนไทยศึกษา แต่ผมก็มีโอกาสสอนเขานั่งสมาธิบ้าง และเขาก็ชอบ เขาเป็นได้เร็วมาก”

*กับแฟนคบกันมานานแล้ว *

“คบกันมา 5 ปีครับ กำลังจะครบรอบ 5 ปี”

*ไม่ค่อยเห็นควงกันไปงาน *

“ก็มีบ้าง ด้วยความที่เขาอยู่เยอรมนี ถ้าเขากลับมาก็จะพาเขาไปงาน ล่าสุดก็พาไปงานปีใหม่ของแม็กกี้-อาภา ไม่ได้ปิดอะไร ลงรูปอะไรปกติ คือภูมิใจมาก ต้นปีมีใครก็ไม่รู้ทำโพลนะครับว่า นักแสดงไทยคนไหนมีแฟนต่างชาติสวยที่สุด และแฟนเราชนะทุกสำนัก ผมยังเอามาลงในไอจีตัวเองเลยครับ คือภูมิใจมากและก็ตลกมา ผมก็ส่งให้เขาดู ส่งให้คุณพ่อคุณแม่เขาดู บอกว่าตลกดีนะ”

*แล้วแฟนเราเขาว่าอย่างไร *

“เขาก็ดีใจยิ้ม ขำ เขิน อะไรแบบนี้ครับ”

*ระยะทางมีผลต่อความรักของเรามั้ย *

“วิดีโอคอลกันบ่อย เวลาที่เขาอยู่เยอรมนีก็จะวิดีโอคอลก่อนนอนทุกวัน เวลาต่างกันประมาณ 5-6 ชั่วโมง วันไหนที่ผมทำงานเช้า แล้วเขาทำงานเสร็จก็จะวิดีโอคอลกัน ตอนนี้เขามีบริษัทเกี่ยวกับมาร์เกตติ้ง แล้วตัวเขาก็ยังเรียนอยู่ เขาเป็นนางแบบแบบพาร์ตไทม์ด้วย บางทีเขาต้องบินไปที่โน่นที่นี่ อย่างบินไปบาหลีไปถ่ายแบบ เราก็ใช้วิดีโอคอลเอา ซึ่งเวลาบางที่มันต่างอาจจะไม่ได้คุยกัน แต่อาทิตย์นึงก็ต้องคุยกันสัก 6 วัน ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้ไม่มีปัญหา”

คิดเรื่องแต่งงานหรือยัง

“ยังไม่ได้แพลนเลยครับ”

*รุ่นเดียวกับเอสนี่เขาแต่งกันแล้ว *

“ผมอะไปงานแต่งเพื่อนตลอด ไปเป็นพิธีกรงานแต่งตลอด ล่าสุดนี่แฟนผมเขาได้รับดอกไม้งานแต่งนะครับ งานนั้นผมเป็นพิธีกรอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าสาวเขาโยนดอกไม้ลงไป ปรากฏเขารับดอกไม้ได้”

*เจอแบบนี้กดดันไหมล่ะ *

“คือฮือฮามากครับ เพราะว่าเราเป็นพิธีกรอยู่ งานนั้นเป็นงานของเพื่อนผมที่เอแบค ทุกคนก็ยืนงงเราขำทำไม จนต้องบอกทุกคนว่า นี่แฟนผมเองครับ (หัวเราะ) ผมไม่ได้กดดันอะไรนะ เพราะว่าก็มีวางแผนเอาไว้ในใจแล้วว่าน่าจะประมาณอายุเท่าไหร่ ไม่ใช่ในปีนี้แน่ๆ ผมว่าเขาคงอยู่ในไทม์เฟรมประมาณ 1-3 ปีครับ”

เอสกับแฟนใครโรแมนติกกว่ากัน

“อืม…เราไม่ค่อยมีโมเมนต์แบบโรแมนติกเท่าไหร่ ทั้งคู่เลย เหมือนเรามีความเป็น…คือเราคุยกันแบบผู้ใหญ่คุยกัน จะมีก็แค่โรแมนติกหวานๆในช่วงเวลานั้นๆ คือผมก็มองว่ามันปกติ อาจจะมีแบบวันดีคืนดีไม่ได้มีเทศกาลอะไรเลย ก็เคยซื้อดอกไม้ไปให้”

*ทุกเทศกาลให้ความสำคัญหมด *

“ใช่ครับ เราจะให้ความสำคัญที่สุดคือช่วงคริสต์มาส เป็นเทศกาลสำคัญของเขา อย่างปีนี้เค้าอยู่เมืองไทยครับ เพราะเขาเพิ่งกลับมา 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว เพื่อที่จะคริสต์มาสที่เมืองไทย แต่ที่ผ่านมาเราก็จะอยู่เยอรมนีกัน วันนั้นจะเป็นวันสำคัญ อีกอย่างคือ 25 ธันวาจะเป็นวันครบรอบของเราด้วยครับ”

*แบบนี้ต้องจัดงานเบิ้ลเลยมั้ย *

“ส่วนใหญ่จะเป็น 2 ทีครับ นี่ปีนี้ก็ถามเขาอยู่ว่าเอายังไงดี จะจัดรวบไปเลยดีไหม หรือจะแยก เขาก็บอกว่าแล้วแต่ จะรวบเลยก็ได้”.

ทีมข่าวบันเทิง

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0