โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เหยื่อกระสุนสลายชุมนุม 52 แขนพิการ แพ้คดีกองทัพ ถูกสั่งยึดทรัพย์ชดใช้ค่าคดี ร้อง กสม. ช่วยประสานยุติการบังคับคดี

THE STANDARD

อัพเดต 20 ส.ค. 2561 เวลา 05.08 น. • เผยแพร่ 20 ส.ค. 2561 เวลา 05.07 น. • thestandard.co
เหยื่อกระสุนสลายชุมนุม 52 แขนพิการ แพ้คดีกองทัพ  ถูกสั่งยึดทรัพย์ชดใช้ค่าคดี ร้อง กสม. ช่วยประสานยุติการบังคับคดี
เหยื่อกระสุนสลายชุมนุม 52 แขนพิการ แพ้คดีกองทัพ ถูกสั่งยึดทรัพย์ชดใช้ค่าคดี ร้อง กสม. ช่วยประสานยุติการบังคับคดี

วันนี้ (20 ส.ค. 61) เวลา 10.00 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมด้วยนายไสว ทองอ้ม ผู้ถูกยิงจนพิการที่แขนในการชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี 2552 เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอให้นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการ กสม. ช่วยเจรจากับกองทัพให้ยุติการบังคับคดี จากกรณีศาลฎีกาได้ตัดสินให้ยกฟ้องคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกองทัพ และสั่งให้นายไสวจ่ายค่าธรรมเนียมศาลและจ่ายค่าทนายจำเลย (อัยการ)

 

นายไสวเล่าว่าได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 8-13 เมษายน 2552 เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างน้อยในเวลานั้นจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

 

โดยช่วง 4.30 น. วันที่ 13 เมษายน 2552 มีการสลายการชุมนุมโดยใช้กำลังทหารบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตนได้พยายามวิ่งหนีไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ต้นแขนซ้ายจนพิการตลอดชีวิต

 

นายไสวเล่าต่อว่า ตนมั่นใจว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร จึงตัดสินใจร่วมกับผู้เสียหายอีกคนเป็นโจทก์ฟ้องคดีทางแพ่งกับกองทัพเพื่อเรียกค่าเสียหาย โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้กองทัพจ่ายเงินค่าเสียหาย 1.2 ล้านบาท เพราะเห็นว่าตนได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม

 

แต่ต่อมากองทัพได้ยื่นอุทธรณ์และศาลได้ยกฟ้องเพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร และร่องรอยกระสุนปืนจากบาดแผลไม่ตรงกับชนิดของกระสุนปืนที่กองทัพใช้ในเวลานั้น ตนจึงตัดสินใจยื่นศาลฎีกาอีกครั้ง โดยที่ผู้เสียหายอีกคนไม่ร่วมสู้คดีด้วย ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินยกฟ้องยืนตามศาลอุทธรณ์

 

ขณะที่กองทัพบกและกองทัพไทยทำการบังคับคดีให้ตนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความระหว่างศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นจำนวนเงิน 212,114 บาท (รวมค่าทนาย 60,000 บาท)

 

และเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา กรมบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินเป็นเงินในบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส. 5,500 บาท พร้อมยึดที่ดินทำกินขนาด 8 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวาของตน เพื่อเตรียมขายทอดตลาด โดยสามารถผ่อนผันได้ถึงเดือนกันยายนนี้

 

ขณะที่นายสมยศกล่าวว่า กรณีนี้ทำให้เห็นว่าต่อไปคนยากจนก็จะไม่กล้ามีปากมีเสียงกับอำนาจรัฐ เพราะการฟ้องคดีหากแพ้ก็จะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายระหว่างการฟ้องคดี

 

ส่วนกรณีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติ ครม. จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น นายไสวไม่ได้รับเงินชดเชยดังกล่าว เพราะช่วงนั้นคดีความยังไม่สิ้นสุด

 

ด้านนางอังคณา กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อส่งหนังสือประสานไปยังกองทัพ เนื่องจากเรื่องนี้จบลงแล้วในชั้นศาล จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์และจำเลยในการพูดคุยเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายในการปรองดองสมานฉันท์อยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะสามารถให้นายไสวได้พูดคุยตกลงกับกองทัพได้

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0