เหตุใดคำพูดว่า ‘ถ้านอกใจครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องนอกใจอีก’ จึงไม่เป็นความจริง

คุณอาจเคยได้ยินคำพูดหรือคำเตือนที่ว่า ‘ถ้านอกใจครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องนอกใจอีก’ มาเป็นล้านๆครั้งแล้วตั้งแต่ที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ คนๆหนึ่งสามารถสร้างข้อผิดพลาดในเรื่องความสัมพันธ์ได้หลายครั้งหลายหน เช่น การโกหก การทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม้แต่การใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายโดยไม่บอกอีกฝ่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องการประพฤติผิดประเวณี..ก็ลืมไปได้เลย คุณอาจต้องหาคนรักใหม่หรือยอมรับสถานะโสดเนื่องจากเสือย่อมไม่ทิ้งลายแน่นอน ปัญหาคือคนเรามักคิดว่าการนอกใจเกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเซ็กส์อาจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญน้อยที่สุด คนเรามักจะคิดว่าการนอกใจเป็นการทำร้ายอีกฝ่าย ทว่าแก่นแท้ของการนอกใจคือการไม่ให้เกียรติคำสัญญาของตัวเอง จุดประสงค์ของทุกๆความสัมพันธ์คือการสร้างความสมบูรณ์แบบ แต่คนส่วนใหญ่กลับตอบสนองความต้องการของตัวเองผ่านความสัมพันธ์ เช่น การนอกใจ/ความไม่ซื่อสัตย์

ผู้ชายจะนอกใจเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีความสำคัญหรือเพื่อความไม่จำเจ ส่วนผู้หญิงจะนอกใจเพื่อความรัก เรียกร้องความสนใจ และเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเสมอ นี่คือสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายถูกนอกใจ คุณก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรักและไม่อาจชักนำความสัมพันธ์ให้ประสบความสำเร็จได้ คุณไม่ทันสังเกตว่าคนรักรู้สึกไม่พอใจและเป็นไปได้ว่าคุณก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ปกติความต้องการหลักของมนุษย์เราเป็นสิ่งพื้นฐานอยู่แล้ว (ความเชื่อมั่น ความหลากหลาย ความสำคัญ ความรัก และความก้าวหน้า) เราควรดูว่าเหตุใดจึงเกิดการนอกใจขึ้นและอะไรคือแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลัง เช่น ปัญหาในการสื่อสาร ความกลัวการผูกมัด หรือแม้แต่การรังเกียจตัวเอง หากปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขก็เป็นไปได้ว่าการนอกใจอาจจะไม่เกิดขึ้นอีก คนส่วนใหญ่ที่นอกใจมักมีนิสัยชอบหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ไม่แก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น และรู้สึกไม่มีความสุขจนทำให้มีแนวโน้มว่าจะเข้าหาคนอื่น วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเปิดใจและจับเข่าคุยกันเกี่ยวกับความต้องการของแต่ละฝ่าย สรุปคือ..เมื่อนอกใจครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องนอกใจอีกเสมอไป คู่รักจำเป็นต้องจับเข่าคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหาแทนที่จะหลีกเลี่ยงหนีไป