อันที่จริงเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มของคนเราเป็นเรื่องธรรมชาติและปกติ แต่เรามักจะถูกสอนให้รู้สึกกลัว ขยะแขยง และอายที่มีมัน ว่าแต่เซลลูไลท์คืออะไรเหรอ? มันเกิดมาจากที่ไหน? แล้วทำไมจึงปรากฏอยู่แค่บนบางส่วนของร่างกาย?
เรารู้ว่าเซลลูไลท์คือเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ระหว่างผิวหนังกับเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเส้นใยที่เชื่อมต่อระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ (ที่มีเซลล์ไขมันสอดอยู่ตรงกลาง) จะดึงเซลล์ไขมันลงไปขณะที่ดันผิวหนังขึ้นมาซึ่งทำให้เกิดการกระจายของแรงดันที่ไม่เท่ากันจนกลายเป็นผิวตะปุ่มตะป่ำหรือที่เรียกว่าเซลลูไลท์ แม้ว่าจะฟังดูแปลกแต่เซลลูไลท์ก็เกิดจากกระบวนการดึงและดันซึ่งมีองค์ประกอบไม่กี่อย่างที่ทำให้เกิดกระบวนการนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าหมายเลขหนึ่งคือไขมัน ยิ่งมีไขมันบนร่างกายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเซลลูไลท์มากขึ้นเท่านั้น แต่ทุกคนก็มีไขมันกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครปราศจากเซลลูไลท์โดยสิ้นเชิง เรายังรู้อีกว่าเอสโตรเจนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตไขมันเพิ่มมากขึ้นได้ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าทำไมเซลลูไลท์จึงพบได้มากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ขณะที่พันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน หลังจากที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ร่างกายของผู้หญิงจะเริ่มผลิตเซลลูไลท์และยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุจนกระทั่งผิวของเราขาดความยืดหยุ่นไปบางส่วน แล้วทำไมร่างกายของคนเราจึงมีเซลลูไลท์แค่บางส่วนล่ะ? อันที่จริงผู้หญิง (ซึ่งมีเซลลูไลท์มากเนื่องจากฮอร์โมนกับพันธุกรรมอยู่แล้ว) มีแนวโน้มว่าจะสะสมไขมันไว้มากที่สุดบริเวณขากับก้นซึ่งเป็นจุดที่พบเซลลูไลท์บ่อยที่สุด แต่ถ้าคุณมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องหรือที่อื่นอีกก็เป็นไปได้ว่าจะพบเซลลูไลท์มากขึ้นเช่นกัน เรามาย้ำกันอีกทีว่าเซลลูไลท์คือสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อคนเราโตขึ้นและมีอายุมากขึ้น เซลลูไลท์ไม่ใช่สัญญาณเตือนถึงโรคอันตรายดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องปิดบังหรือรักษาใดๆทั้งสิ้น ที่สำคัญครีมส่วนใหญ่ที่อ้างว่าสามารถลดปริมาณเซลลูไลท์ได้อันที่จริงไม่มีหรอกและ “การรักษา” อื่นๆก็มีราคาแพงแถมยังไม่ได้ผลอีกต่างหาก ดังนั้นได้เวลาทำใจและสงบศึกกับรอยบุ๋มบนก้นของคุณเนื่องจากมันไม่มีวันหายไปไหนหรอก นอกจากคุณจะทำให้ไขมันลดลงด้วยการออกกำลังกายเซลลูไลท์ก็จะลดน้อยลงไปด้วยแค่นั้นเอง
