หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ ‘ผู้มีเงินได้’ คือ การยื่นแบบเพื่อเสียภาษีเงินได้ ปัจจุบันมีด้วยกันสองวิธีคือ การยื่นแบบที่สำนักงานสรรพากรเขตหรือสรรพากรอำเภอ หรือยื่นแบบผ่านเว็บไซต์หรือแอพลิเคชั่นของกรมสรรพากร หรือ ที่เรารู้จักกันว่า “การยื่นแบบออนไลน์” นั่นเอง
ปัจจุบัน ‘การยื่นแบบภาษีออนไลน์’ มีความสะดวกสบายและเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะเปลี่ยนวิธีการยื่นภาษีจากแบบเดิมเป็นแบบออนไลน์ ต้องพิจารณากันก่อนว่าหากเปลี่ยนวิธีการยื่นแบบแล้วชีวิตจะสะดวกสบายขึ้นได้อย่างไร ประโยชน์ที่จะได้รับมีอะไรบ้าง ดังนี้
1. สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และ ประหยัดค่าใช้จ่ายถือว่าเป็นจุดเด่นของการยื่นแบบออนไลน์ เพราะการไปยื่นแบบที่สำนักงานสรรพากรเขต มีทั้งต้นทุนทางด้านเวลาและค่าใช้จ่ายรวมถึงการต่อคิวในการยื่นแบบ และถ้าเป็นช่วงใกล้วันสุดท้ายของการยื่นแบบ คิวจะยาวมากเป็นพิเศษ อาจถึงขั้นต้องลางานเพื่อไปต่อคิว
“การยื่นแบบออนไลน์สามารถยื่นแบบได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตามเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด แต่ต้องไม่เลยวันสุดท้ายของการยื่นแบบเท่านั้น”
2. ง่ายต่อการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูลการยื่นภาษีออนไลน์ มีความง่ายในการจัดเก็บข้อมูลของแบบภาษี ท่านที่เคยยื่นแบบภาษีเป็นกระดาษมักประสบกับปัญหาแบบภาษีที่เก็บไว้หาย ซึ่งการยื่นแบบออนไลน์เมื่อทำรายการเสร็จจะมีการบันทึกข้อมูลลงในระบบออนไลน์ทันที เราสามารถดาวน์โหลดเพื่อจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์หากภายหลังหาไฟล์ไม่เจอสามารถเข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เพื่อเรียกดูใหม่ได้ ทั้งนี้ระบบจะเก็บข้อมูลไว้ให้เป็นเวลา 2 ปี
3. ได้รับความสะดวกในการเครดิตภาษีเงินปันผลจากหุ้น (การขอคืนเงินภาษีจากเงินปันผล ที่ถูกหักไว้เกินกว่าอัตราภาษีจากฐานรายได้) สำหรับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และเคยยื่นทำรายการเครดิตภาษีเงินปันผลผ่านระบบอินเตอร์เน็ตช่วงหลายปีก่อน จะทราบดีว่า ขั้นตอนในการกรอกข้อมูลนั้นมีความยุ่งยากมาก โดยเฉพาะหากถือหุ้นหลายตัว ท่านต้องรวบรวมเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายของปันผลหุ้นทุกตัว ซึ่งบางทีเกิดการตกหล่น สูญหาย เมื่อรวบรวมมาได้แล้วต้องกรอกข้อมูลเงินปันผลทีละตัว แยกว่าเงินปันผลของหุ้นตัวไหนอยู่ในขั้นภาษีนิติบุคคลอัตราใด แล้วต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้องตามอัตราภาษีนั้นๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการกรอกผิด คำนวณผิด ทำให้อาจจะโดนเรียกเอกสารเพิ่ม หรือได้รับเครดิตเงินปันผลล่าช้า
แต่ปัจจุบัน การยื่นออนไลน์ในขั้นตอนนี้สามารถทำได้ง่ายมาก เพียงแค่สมัครใช้งานระบบ TSDInvestor Portal ของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ( ผ่าน link : https://ivp.tsd.co.th/)%20หรือ)ซึ่งสมัครใช้งานได้ฟรี ระบบนี้จะช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลของเงินปันผลของหุ้นทุกตัวที่เราถืออยู่ในปีภาษีนั้นๆ ไว้ในไฟล์เดียว
“เมื่อถึงเวลาที่จะต้องยื่นภาษี เพียงแค่เข้าไปในระบบแล้วเรียกไฟล์เงินปันผลออกมา แล้วแนบไปกับการยื่นแบบภาษีออนไลน์ ระบบจะคำนวณการเสียภาษี เครติดเงินปันผลที่จะได้คืนให้อัตโนมัติ ทำให้เราได้รับการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง ไม่ต้องกังวลเรื่องกรอกข้อมูลผิด หรือข้อมูลตกหล่นอีกต่อไป”
4. ขยายระยะเวลาในการยื่นแบบออกไปอีก 8 วัน การยื่นแบบออนไลน์จะได้รับสิทธิพิเศษ สามารถขยายเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีออกไปอีก 8 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของวันที่กำหนดเวลายื่นแบบ หากตรงกับวันหยุดให้ยื่นในวันทำการถัดไป อย่างไรก็ตามในแต่ละปี ควรตรวจสอบวันสิ้นสุดของการยื่นแบบอีกครั้ง
“จะเห็นว่า ‘การยื่นภาษีแบบออนไลน์’ นั้น ทำให้ท่านประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ง่ายต่อการบันทึกและเรียกใช้ข้อมูล ได้รับความสะดวกในการเครดิตภาษีเงินปันผลหุ้น รวมทั้งมีระยะเวลาในการยื่นแบบที่นานขึ้นอีกด้วย เชื่อว่าหลังจากที่อ่านบทความนี้จบหลายท่านคงอยากจะลองยื่นภาษีแบบออนไลน์กันแล้ว ครั้งแรกอาจจะดูยุ่งยาก แต่เมื่อได้ยื่นผ่านออนไลน์แล้ว ท่านจะไม่กลับไปยื่นแบบกระดาษอีกเลย”
ข้อแนะนำเพิ่มเติม ควรทยอยเตรียมข้อมูลสำหรับการยื่นแบบให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อถึงกำหนดเวลาก็ยื่นได้ทันที ยิ่งยื่นเร็วก็มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนเร็วขึ้น (กรณีได้รับเงินคืนภาษี) นอกจากนี้ หากมีเอกสารบางอย่างสูญหาย การทยอยเตรียมข้อมูลตั้งแต่แรกจะช่วยให้เจอปัญหาได้เร็วทำให้สามารถติดตามเอกสารได้อย่างทันท่วงที
ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand,TFPA Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th