จากกรณีพบศพ น.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ หรือ ต่อ อายุ 36 ปี เซลล์สาวขายปุ๋ย ถูกฆ่าโหดคารถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน พัลซ่าร์ ทะเบียน 4กฐ6348 กทม. ก่อนอำพรางศพทิ้งในคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก หมู่ 1 ต.บ้านโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรีเป็นเวลานาน 3 ปี จนเหลือแต่โครงกระดูก ตำรวจเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากศพมีผ้าปูที่นอนมัดศพ ส่วนมือฆ่า ญาติสงสัยว่า เป็นชายสูงอายุที่มาติดพันผู้ตาย
คืบหน้าล่าสุด วันที่ 10 ธ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สอบถาม นายสมใจ ชมเช้า อายุ 59 ปี ชาวบ้านที่พบรถ เปิดเผยว่า เมื่อวานช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ตนเองนำน้ำมันไปเติมเครื่องสูบน้ำ ซึ่งตอนนั้นก็มีชาวบ้านไปสูบน้ำหลายคน ได้ยินชาวบ้านในบริเวณนั้นพูดว่ามีล้อรถอยู่ในคลอง ตนเองก็ชะเง้อดู เห็นล้อรถ 2 ล้อโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ตอนนั้นตนเองยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีรถจมน้ำ คิดเพียงว่าน่าจะเป็นล้อรถเทรนเลอร์ที่หลุดจมน้ำ จากนั้นจึงได้เเจ้งเจ้าหน้าที่กูภัย กระทั่งทราบว่ามีคนตายในรถ ทำให้ตอนนี้ไม่กล้าไปสูบน้ำช่วงกลางคืน เพราะกลัวผี ที่ผ่านมา ตนเองอาศัยอยู่ในละเเวกดังกล่าว ทำไร่ทำนาก็จะสูบน้ำอยู่ใกล้ ๆ จุดพบศพมาเป็นเวลานาน เเต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นร่องรอยรถตกคลองเเต่อย่างใด
ด้าน ด้าน พ.ต.ท.ณัฏฐวร กันธายอด สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองโดน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ นางลั่นทม วงษ์สิงห์ แม่ของ น.ส.กลิ่นเกสร ผู้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนโครงกระดูกที่ตรวจพบภายในรถเก๋ง เจ้าหน้าที่ได้นำส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของนางลั่นทม ว่าตรงกันหรือไม่ โดยคาดว่าจะรู้ผลภายใน 10-15 วัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกันวิริยะประกันภัย ได้นำหลักฐานกรมทันที่เป็นชื่อรถของ น.ส.กลิ่นเกสร ว่าเป็นเจ้าของรถตามกรมทันจริง จึงได้ไปตรวจสอบรถ และจะเสนอให้กับทางบริษัทต่อไป
ขณะที่ น.ส.ใบตอง (นามสมมติ) ญาติของ น.ส.กลิ่นเกสร เปิดเผยว่า ต่อเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ทำให้มีผู้ชายเข้าหาหลายคน เรื่องชีวิตคู่ ต่อคบกับชายสูงอายุ ซึ่งเป็นเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยเเห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี คบกันประมาณ 4-5 ปี ก็เลิกรากันไป จากนั้นต่อก็ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ เเต่งงานเเละมีลูกด้วยกัน 1 คน เเต่ไม่นานก็เลิกรากัน เเละต่อก็กลับมาคบกับเสี่ยคนเดิมอีกครั้ง เเละได้ทำงานเป็นเซลล์ในบริษัทของเสี่ยคนดังกล่าว
สำหรับเสี่ยคนนี้ก็ดูเป็นคนนิสัยดี เคยพาตนเองเเละญาติ ๆ ไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง เเต่มักจะขี้หึงทะเลาะกับต่อหลายครั้ง โดยก่อนที่ต่อจะหายไป วันที่ 12 พ.ย.60 ต่อกับเสี่ยมีการทะเลาะกัน เสี่ยโทรมาง้อ จากนั้นเวลา 4 ทุ่ม ต่อได้ขับรถไปหาเสี่ย เเล้วญาติ ๆ ก็ติดต่อต่อไม่ได้อีกเลย กระทั่งวันรุ่งขึ้นญาติ ๆ ตัดสินใจเข้าเเจ้งความคนหาย เเละมีการประกาศตามหาทางเฟซบุ๊ก เเละมีการไปร้องเรียนหลายหน่วยงานเพื่อให้ช่วยตามหา เเต่ก็ไม่พบ
ทั้งนี้ตนเองรู้สึกผิดสังเกต เพราะหลังจากที่ต่อหายไป เสี่ยได้มาคุยกับเเม่ของต่อ โดยบอกว่าจะไม่ตามหาเเล้ว หรือตามหาเเต่อย่างใด ประกอบกับต่ออยู่กับเสี่ยเป็นคนสุดท้ายก่อนหายไป ตนเองฉุกคิดทันทีว่าต่ออาจถูกฆ่าตายเเล้ว หลังจากนั้นตนเองได้ไปหาพระเกจิรูปหนึ่งเพื่อตรวจสอบดวงชะตาของต่อ โดยพระบอกว่าน่าจะเสียชีวิตเเล้ว เเต่ร่างอยู่ในจุดที่เจ้าที่เเรงทำให้ยิ่งปักใจเชื่อ ซึ่งตลอด 3 ปีที่ต่อหายไป เสี่ยคนดังกล่าวเดินทางไปหาคุณตากับคุณยายของต่อที่ จ.ชัยนาท เเทบทุกเดือน โดยเสี่ยเคยหลุดปากพูดกับคุณตาคุณยาย อ้างว่า ต่อได้บอกกับเขาไว้ ว่า “ถ้าต่อตาย ให้เขาดูเเลตายายเเทนต่อ” ทำให้หลายคนสงสัยว่าเหตุใดจึงพูดเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ญาติได้ตั้งข้อสังเกต ถึงพิรุธหลายอย่างหลังจากพบศพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุ 1. ศพผู้ตายมีผ้าห่อ ซึ่งผู้ตายเป็นคนขี้ร้อน ไม่เคยนำผ้ามาห่มเวลาขับรถ เเละไม่เคยนำผ้าติดรถ
- กระดูกของผู้ตายกองอยู่เบาะหลัง เเละเข็มขัดนิรภัยไม่ได้เสียบคาไว้ เเสดงว่าผู้ตายไม่ได้ขับมาเอง เพราะหากขับเองกระดูกจะต้องอยู่เบาะคนขับ เนื่องจากเข็มขัดนิรภัยจะต้องรั้งร่างไว้ เพราะเวลาขับรถผู้ตายจะคาดเข็มขัดตลอด เเละรถของผู้ตายเป็นรถรุ่นใหม่ หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย สัณญาณเเจ้งเตือนจะดัง
- เสี่ยเป็นคนหึงหวงผู้หญิงคนนี้มาก เวลาไปไหนจะขับรถติดตามตลอด เเต่วันที่ผู้หญิงหายไป กลับไม่ตาม หรือเเม้กระทั่งติดต่อใด ๆ เลย
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านสเต็ก บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเคยเป็นกิจการส่วนตัวของ น.ส.กลิ่นเกสร พบว่า ร้านดังกล่าวถูกปิดไปตั้งแต่ 3 ปี ก่อน และอาคารดังกล่าวได้ถูกเช่าใหม่เปิดเป็นร้านกดสิว สอบถาม น.ส.อาย (นามสมมติ) ผู้เช่าอาคารติดกับผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองไม่เคยเห็นผู้ตายมากับใคร และไม่รู้ว่าคบหากับใคร รวมถึงไม่รู้เรื่องส่วนตัวของผู้ตายเลย อีกทั้งเมื่อ 3 ปี ก่อนนั้น ผู้ตายก็มาเปิดร้านได้เพียง 2 เดือน ก่อนจะหายตัวไป
ด้าน นางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 56 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนลูกสาวจะหายตัวไปนั้น ลูกสาวได้คบหากับเสี่ยเจ้าของบริษัทปุ๋ย ซึ่งเป็นเจ้านาย โดยทางครอบครัวก็รับรู้ว่าทั้งคู่ดูแลกันอยู่ ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปเมื่อคืนเกิดเหตุ เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน (2559) ลูกสาวพูดกับตนเองครั้งสุดท้ายว่าจะไปนอนที่บริษัทปุ๋ย และนัดกับตนเองว่าตอนเช้าจะไปเจอกันที่ร้านสเต็ก ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวใน อ.พระพุทธบาท แต่เมื่อถึงเวลา ลูกสาวก็ไม่มาตามนัด โทรติดต่อไม่ได้ สอบถามเสี่ยเจ้าของบริษัทอ้างว่า ลูกสาวออกไปแต่งหน้าให้เจ้าสาวที่มาเช่าชุดตั้งแต่ช่วงตี 3 ของคืนนั้น
ยอมรับว่าลูกสาวมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเจ้าของบริษัทปุ๋ย ที่ผ่านมารู้สึกแคลงใจกับเสี่ยเจ้าของบริษัทปุ๋ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม หลังลูกสาวหายไป เสี่ยเจ้าของบริษัทปุ๋ย ได้เอากล้องวงจรปิดหน้าโรงงานมาให้ดู ซึ่งเป็นภาพที่รถของลูกสาวแล่นออกจากบริษัทช่วงตี 3 แต่ยังไม่เชื่อว่าคนในรถจะใช่ลูกสาวจริงหรือไม่
ส่วน นายทอด วงษ์สิงห์ อายุ 78 ปี ตาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากหลานสาวหายตัวไป เสี่ยก็ยังเดินทางมาหา โดยนำข้าวปลาอาหาร และเงินมาให้ เเต่เวลาผ่านไปญาติออกตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ตนเองก็เริ่มรับรู้ถึงข้อพิรุธหลายอย่าง จึงปักใจเชื่อทันทีว่าเสี่ยน่าจะเป็นคนฆ่า ซึ่งเสี่ยเคยอ้างว่าหลานสาวเคยพูดในทำนองสั่งเสียกับเสี่ย ว่าถ้าเป็นอะไรไป ให้เสี่ยดูเเลตากับยายเเทนเขา ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าหลานสาวจะพูดเเบบนั้น จากนั้นเสี่ยก็มาหาอีกหลายครั้ง ลักษณะเหมือนทำดีเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง
กระทั่งวันหนึ่งทนไม่ได้ เกิดความอัดอั้นตันใจ จึงได้พูดต่อหน้าเสี่ยว่า “หลานผม ถ้าเสี่ยไม่ฆ่า มันก็คงไม่ตาย” เเต่เสี่ยปฏิเสธ เมื่อพูดจบเสี่ยก็เดินทางกลับ เเละไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย
https://youtu.be/FwJNYsv2qGQ
