อ.เจษฎา เตือนห้ามทำพิธีปลุกเสก "ปรอท" หยดบนมือคนไข้ ก่อนเสกเป่าเข้าสู่ผิวหนัง อ้างรักษาได้สารพัดโรค ชี้เป็นโลหะอันตราย เป็นพิษ อันตรายถึงชีวิต…
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปการนำปรอทมาหยดบนมือคนที่มารับการรักษา มีการทำพิธีเสกเป่าให้ปรอทเข้าไปในผิวหนัง โดยอ้างว่าปรอทจะช่วยรักษาโรคได้นั้น
วันที่ 12 พ..ย.61 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เตือนว่า แม้ว่าในอดีตจะมีการนำปรอทมาใช้รักษาโรคตั้งแต่โบราณ แต่ในปัจจุบันวงการแพทย์เร่ิมตระหนักถึงผลร้ายของปรอทและเลิกใช้ไปแล้ว เนื่องจากปรอทเป็นโลหะที่อันตรายมาก
ทั้งนี้ ปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายช่องทาง เช่น ทางการหายใจ ทางปาก และทางผิวหนัง ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดโรคผิวหนังได้ ซึ่งปรอทจะทำอันตรายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เข้าสู่ร่างกาย ปริมาณที่ได้รับ และชนิดของสารปรอท
สำหรับการเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยพิษชนิดเฉียบพลันเกิดจากการกลืนเข้าไป ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม จะมีอาการอาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เลือดออก อุจจาระเป็นเลือด ปวดท้องอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด เป็นลมสลบ เนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด และตายในที่สุด
ส่วนพิษชนิดเรื้อรัง เมื่อปรอทเข้าสู่ร่างกายจะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น เมื่อเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้กลับดีดังเดิมได้ อาการที่เป็นพิษมากเกิดจากการหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการเจ็บหน้าอก มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกและตายได้.
(ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์)