โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เสียงสะท้อน! มดงานด่านโควิด-19 กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไร้ล็อกดาวน์

NATIONTV

อัพเดต 31 มี.ค. 2563 เวลา 04.14 น. • เผยแพร่ 31 มี.ค. 2563 เวลา 04.10 น. • Nation TV
เสียงสะท้อน! มดงานด่านโควิด-19 กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไร้ล็อกดาวน์
เสียงสะท้อน! มดงานด่านโควิด-19 กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไร้ล็อกดาวน์

ภายหลังจากวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบจนมีผู้ติดเชื้อหลักพันรายแล้ว โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และกำลังทยอยระบาดเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด

ทันทีที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ได้เริ่มมีการตั้งด่านจุดคัดกรองผู้ที่มีกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเกือบ 400 ด่าน ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการบูรณาการกำลังของเจ้าหน้าที่หลายส่วนเช่น ตำรวจ กรมการปกครอง สาธารณะสุข เทศบาล เทศกิจ หน่วยงานราชการจังหวัดและท้องถิ่นในทุกระดับ

ภารกิจการตั้งด่านเท่าที่ผ่านมา 5 วัน จะพบว่า ตำรวจมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องการจัดระเบียบรถ และ การตั้งด่าน เนื่องด้วยมีความชำนาญในด้านนี้่อยู่แล้ว โดยมีการจัดกำลังกันตลอด 24 ชม. ส่วนหน่วยงานอื่นอย่างสาธารณะสุข ก็มีการจัดดกำลังเช่นกัน แต่ปัญหาที่พบที่จุดคัดกรองก็คือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถคัดกรองรถที่วิ่งบนถนนได้อย่างร้อยเปอร์เซ็น เนื่องจากจำนวนรถสวนทางกับกำลังเจ้าหน้าที่ จึงทำให้เราเห็นว่าบ้างด่านจะตรวจเข้มเฉพาะช่วง ยิ่งเป็นช่วงที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาตรวจเยี่ยม แต่พอหลังจากนั้นก็หละหลวม ปล่อยให้รถผ่านไปโดยไม่มีการคัดกรอง

ปัญหาเรื่องกำลังพลถือว่าเป็นปัญหาหลักในการจัดตั้งด่านอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งความชำนาญในแต่ล่ะหน้าที่ก็ไม่เหมือนกัน อย่าง ตำรวจก็ไม่สามาถที่จะทำหน้าที่คัดกรองหรือดูอาการของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์แบบทำได้เพียงแต่วัดไข้ในเบื้่องต้นเท่านั้น หรือ ส่งต่อให้ทางสาธารณะสุขเป็นผู้ตรวจอย่างละเอียดอีกต่อหนึ่ง ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็ไม่เพียงพอ นอกจากนี้เรื่องการจัดเวรในการทำหน้าที่ก็ถือว่าเป็นงานใหม่ของสาธารณะสุขที่จะต้องมาเข้างานเป็นเวรตลอด 24 ชม. ความเหนื่อยล้าเกิดขึ้นกับกำลังคนเหล่านี้อีกปัญหาของการตั้งด่านที่เป็นการทำงานของคนหลายคน จึงเป็นการรวมตัวคนในหมู่มาก จึงทำให้เกิดข้อวิตกให้กับเจ้าหน้าที่ที่เสียสละออกมาทำหน้าที่ทุกคน เพราะบุคลากรที่ออกมาทำงานต่างมีครอบครัวอยู่ข้างหลังพวกเขา และไม่รู้เลยว่าจะติดเชื้อเมื่อไหร่และจะนำเชื้อไปติดกับคนในครอบครัวหรือไม่ ซึ่งก็มีข่าวออกมาแล้วบ้างว่าเจ้าหน้าที่บ้างรายติดเชื้อจากการตั้งด่าน รวมไปถึงอุปกรณ์ในการป้องกันที่ทางรัฐหรือหน่วยงานมอบให้ก็ไม่เพียงพอ หลายคนต้องควักเงินส่วนตัวไปซื้อหน้ากากและเจลล้างมือในราคาที่สูงลิบลิ้วและยังหาซื้อยากอีกต่างหาก

เสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่หลายคนที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงานนั้นต่างอยากให้ทางรัฐบาลมีการประกาศความชัดเจนในเรื่องของการเดินทาง เรื่องการจำกัดเวลา รวมไปถึงการประกาศกฎหมายอำนาจในการควบคุมปริมาณการเดินรถ เพื่อบังคับใช้ได้อย่างเห็นผล เพราะทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงคัดกรอง ไม่สามารถจำกัดปริมาณรถได้เลย ในเวลานี้จำนวนรถแม้ว่าจะลดลงไปบ้างแต่ก็ไม่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดสำหรับการเดินทางออกต่างจังหวัด แล้วหันกลับมามองจำนวนของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานมันไม่เพียงพออย่างแน่นอน

ทางรัฐบาลคงจะได้รับการรายงานปัญหาเหล่านี้บ้างแล้ว และจะต้องมีการพิจารณาในการประกาศมาตราที่เข้มข้นกว่านี้ อย่างที่ประชาชนหลายคนเฝ้ารอคือการ "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฆล เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ แม้ว่ามาตราการล็อกดาวน์จะทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างก็ตาม แต่เพื่อเป็นการ "หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" นั้นอาจจะต้องมีการเสียสละ เรียกได้ว่า "เจ็บ แต่ จบ"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0