โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เสียงจากแม่ น้องตรอง เหยื่อแพรวา โดนหนักที่สุด สามีตรอมใจตายตามลูก (คลิป)

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 18 ก.ค. 2562 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 22.28 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

แม่ "น้องตรอง" เหยื่อแพรวา 9 ศพ เล่าวินาทีก่อนสามีจากไปอย่างสงบ ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ขณะที่ตัวเองเริ่มเข้มแข็งขึ้น ถึงแม้ว่าชีวิตตอนนี้จะคล้ายกับคนไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้เกิดกระแส “แพรวา 9 ศพ” ขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่รายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ทางช่องไทยรัฐทีวี 32 ได้สัมภาษณ์ญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันตรงกันทุกคนว่า ตลอดเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่เคยช่วยเหลือเยียวยาใดๆ แถมมีบางรายโดนพูดใส่ว่า “ถ้าอยากได้เงินก็ต้องออกแรงหน่อย” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.ค.62 โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ได้ถอดบทสนทนาบางส่วนจากรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ดังนี้

คุณสุชาดา ปาละกูล มารดาของ น.ส.ตรอง สุดธนกิจ หรือน้องตรอง หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เล่าว่า สำหรับรายละเอียดช่วงคดีอาญา ศาลจะบรรยายว่า ลูกสาวเสียชีวิตเพราะตรงนี้หัก ตรงนั้นแตก เรารู้สึกเจ็บมาก เหมือนเราโดนเอง โดยหลังจากที่น้องตรองจากไป พอทราบข่าว นายนิรัตน์ สุดธนกิจ คุณพ่อของน้องก็เหมือนเสียสติ คุมสติไม่อยู่ เสียใจมาก หลังจากนั้นก็ซึมเศร้าตลอดเวลา เครียด ใช้ชีวิตนิ่งๆ เงียบๆ ไม่อยากจะทานข้าว ไม่อยากจะทำอะไรมาปีกว่า อ่านแต่หนังสือธรรมะ ช่วงนั้นถือเป็นการหยุดงานเลย ไม่ทำงาน ตนและสามีต่างใช้ชีวิตอยู่คนละมุม จะคุยกันบ้างก็ตอนเวลาทานข้าว

ส่วนในวันที่คุณพ่อน้องตรองเสียชีวิต จู่ๆ คุณพ่อก็เรียกชื่ออยู่สองครั้ง แล้วจากไปอย่างสงบ โดยไม่มีโรคประจำตัวอะไร ตนเชื่อว่าคุณพ่อน่าจะตรอมใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากน้องตรองเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

“สำหรับตน ตอนนี้ก็เข้มแข็งขึ้น ดูแลตัวเองพอสมควร ถ้าไปเห็นสิ่งของที่เกี่ยวกับลูกสาวและสามี ก็จะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาด้วยความคิดถึง อย่างไรก็ตามถือเป็นความโชคดีที่ตอนนี้มีเพื่อนและลูกสาวของเพื่อน คอยให้คำปรึกษาต่างๆ นานา ถึงแม้ว่าชีวิตตนเองจะคล้ายกับคนไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม”

ขณะที่คุณโทโมโกะ นันโด ชาวญี่ปุน ซึ่งเป็นภรรยาของ นายภิญโญ จินันทุยา กล่าวว่า ตอนแรกที่เกิดเหตุ ยังทำใจไม่ได้ ยอมรับความจริงไม่ได้ เหมือนโดนตัดขาตัวเองหายไป ต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ทั้งที่แต่ก่อนเคยมีกันและกัน ปรึกษาหารือกันมาตลอด กินข้าวด้วยกัน มันเหมือนมีอะไรหายไปจากชีวิต ในส่วนของสภาพจิตใจนั้น ตอนนี้อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร

คุณสิตาพัชญ์ พงศ์รัตน์ถาวร ภรรยาของ นายอุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี หรือบี ผู้ช่วยนักวิจัยห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีเอนไซม์ หน่วยวิจัยเทคโนโลยีทรัพยากรชีวภาพ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เล่าว่า สำหรับพฤติการณ์ที่ทางฝั่งจำเลยแสดงต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคน คือ พูดเปรยๆ ผ่านไปผ่านมา ซึ่งหลังจากศาลพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ทนายคู่กรณี ก็บอกว่า “จะไกล่เกลี่ยมั้ย ถ้าจะไกล่เกลี่ยก็ติดต่อมานะ ถ้าจะฟ้องให้ถึงที่สุด ก็ไม่รู้นะว่าจะได้อะไร จะไปถึงตรงไหน จะได้หรือเปล่า จะเอาอะไรกับทางนี้ก็ไม่มีจะให้นะ”

คนที่โดนกระทำกลายเป็นฝ่ายถอดใจ ให้โอกาสมา 9 ปีเต็ม

นายวรัญญู เกตุชู หรือติน อดีตนักศึกษาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต เหยื่อผู้รอดชีวิต กล่าวว่า ตอนที่ศาลชั้นต้นบอกว่าเขาผิดและให้เขาจ่ายเงิน เขาทำหนังสือถึงศาลให้ทุเลาการบังคับคดี เขาบอกว่าเขาอยากจะขออุทธรณ์ ซึ่งมันเป็นสิทธิทางกฎหมายที่เขาจะต่อสู้ และเราก็รู้ว่ามันจะกินเวลาเยอะ แต่เขามีการทำลายลักษณ์อักษรว่ายินดีชดใช้ถ้าคดีถึงที่สิ้นสุด อ้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ประกอบคุณงามความดีของประเทศนี้ เราก็ยอม แต่พอเรื่องดำเนินไปจนถึงศาลฎีกาท่านสั่งยืนความตามศาลชั้นต้นให้ชำระค่าเสียหายตามความผิด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคำสั่งศาลตัดสินให้จ่ายชดเชยค่าเยียวยาครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่ยื่นขอต่อศาล แต่ ณ วันนี้ เกือบๆ 2 เดือนแล้ว ก็ยังคงไร้เงาของการเยียวยาหรือกระทั่งการติดต่อประสานงานเข้ามาแต่อย่างใด 

“ถ้าเกิดได้พบหน้ากัน ตอนนี้ผมคงไม่โกรธเขาแล้วจริงๆ มันเลยคำนั้นไปนานมากแล้ว แค่รู้สึกว่าอยากทำให้ทุกอย่างมันจบ หันหน้ามาคุยกันดีกว่า” ติน วรัญญู เกตุชู กล่าวทิ้งท้าย.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0