พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจกล่าวหานายกรัฐมนตรี ว่า กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 5 ที่กำหนด รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ จากกรณี การถวายสัตย์ปฏิญาณ เข้ารับหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่ไม่ครบถ้วน โดยเมื่อ อภิปรายเข้าสู่เนื้อหา ก็เริ่มมีการประท้วงเกิดขึ้น โดย นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่าเรื่องนี้ วิปทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการพูดถึงการถวายสัตย์ ปฏิญาณ ด้วย เหตุผล คือ
1.เป็นเรื่องเกิดขึ้นก่อนคณะรัฐมนตรีจะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
2.และเมื่อมีการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว สภาได้เปิดให้มีการอภิปรายซักถามแบบไม่ลงมติไปแล้ว
3.ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง เพราะเป็นการกระทำทางการเมืองเฉพาะที่ทำกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปแล้วจึงไม่ควรมีการพูดอีก
จากนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้วินิจฉัย ว่าหาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พูดถึงเรื่องนี้ ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะพูดถึงพระมหากษัตริย์ ดังนั้นหากมีการอภิปรายเรื่องนี้อีกจะไม่ให้อภิปราย แต่จะให้อภิปรายได้เฉพาะประเด็นอื่น ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงจำนวนมาก เช่นเดียวกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขอให้ประธานฟังเหตุผลของตนเองให้ครบถ้วนก่อนที่จะวินิจฉัย พร้อมตำหนิ นายศุภชัย ว่าประธานเป็นประธานหรือเปล่า ทำให้ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ก้าวล่วงผู้ทำหน้าที่ประธาน ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ถอนคำพูด พร้อมระบุว่า “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อายุมากแล้ว อาจจำไม่ได้ แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพจิต” ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ถอนคำพูด และเริ่มอภิปรายต่อ แต่ก็ยังมีการประท้วงเกิดขึ้นเป็นระยะ
