การแข่งขันฟุตบอลหญิงซีเกมส์ ครั้งที่ 30 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อ 8 ธ.ค. "ชบาแก้ว" ทีมฟุตบอลหญิงไทย พบ เวียดนาม ที่ริซาลเมโมเรียล สเตเดียม ทั้งคู่ต่างคว้าแชมป์มามากครั้งสุด 5 สมัย เท่ากัน เจอกันรอบแรกเสมอ 1-1 ก่อนหน้านั้น เจอในรอบชิงชนะเลิศ ชิงแชมป์อาเซียน ที่ชลบุรี เมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เวียดนาม ชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0
"โค้ชก้าง" นฤพน แก่นสน กุนซือใหญ่ชบาแก้ว จัด 11 ตัวจริง ผู้รักษาประตู วราภรณ์ บุญสิงห์, เซ็นเตอร์ พรพิรุณ พิลาวรรณ, ณัฐกานต์ ชินวงษ์, แบ๊กขวา วารุณี เพ็ชรวิเศษ(กัปตัน), แบ๊กซ้าย ขวัญฤดี แสงจันทร์, กองกลาง สุชาวดี นิลธำรงค์, ศิลาวรรณ อินต๊ะมี, อรพินท์ แหวนเงิน, ริมเส้นขวา จารุวรณ ไชยรักษ์, ซ้าย รัตติกาล ทองสมบัติ, กองหน้า กัญญาณัฐ เชษฐบุตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนแข่งไม่กี่ชั่วโมง "ไหม" ธนีกานต์ แดงดา โพสต์อินสตาแกรมว่า "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง แจ้งว่าประกาศอัดฉีดหากคว้าแชมป์ ให้นักฟุตบอล 20 คน รวม 500,000 บาท
เริ่มมาแค่ 6 นาที เวียดนาม เกือบเฮ เหงียนธิวัน ยิงไกล บอลลอยละลิ่วปลิวไปชนคาน จากนั้น ดาวทองทำได้ดีกว่าชัดเจน จนไทยต้องแก้เกมทันควันเปลี่ยนตัวตั้งแต่นาทีที่ 27 ธนีกานต์ แดงดา ลงแทน จารุวรรณ ไชยรักษ์ ซึ่งเกมของไทยกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ก่อนจบครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์
ครึ่งหลังนาทีที่ 51 ศิลาวรรณ อินต๊ะมี เปิดให้ ธนีกานต์ โหม่งเข้าไป ทว่าผู้กำกับเส้นยกธง เกมครบหนึ่งชั่วโมง "เนตร" กาญจนา สังข์เงิน ถูกส่งลงมาแทน อรพินท์ แหวนเงิน จากนั้นนาทีที่ 78 "ปุ๋ย" พิสมัย สอนไสย์ นักเตะยอดเยี่ยมอาเซียน ลงมาแทน ศิลาวรรณ อินต๊ะมี แต่ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 90 นาที เสมอ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลา เปลี่ยนเพิ่มได้อีก 1 คน ไทย ส่ง อินทร์อร พันธุ์ชา ลงแทน วารุณี เพ็ชรวิเศษ เล่นมาแค่ 2 นาที เวียดนาม ก็นำ จากการโหม่งของตัวสำรอง ฟามไฮเยน จากนั้นทำอะไรไม่ได้ หมดเวลาไทยแพ้ 0-1 ได้เหรียญเงิน
ผลนัดนี้ทำให้บอลไทยไม่ได้เหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 30 เลย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 หรือ 10 ปีก่อน ที่ทีมชาติไทย พลาดแชมป์ซีเกมส์ทั้งชายและหญิง ซึ่งหนนั้น บอลชายก็ตกรอบแรก และบอลหญิงแพ้รอบชิงฯ เหมือนกัน (ค.ศ. 2011 บอลหญิงไม่มีจัด) ด้าน เวียดนาม คว้าเหรียญทอง สมัย 6 พร้อมกับลุ้นครองแชมป์ซีเกมส์ทั้งชายและหญิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดย บอลชายเข้าชิง อินโดนีเซีย วันที่ 10 ธ.ค.
ทีมฟุตบอลหญิงไทย รับอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ คนละ 150,000 บาท รวม 3,000,000 บาท ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้อีก 30 เปอร์เซ็นต์ รวม 900,000 บาท และผู้ฝึกสอนได้ 10 เปอร์เซ็น เท่ากับ 300,000 บาท รวมยอดอัดฉีดจากกองทุนฯ 4,200,000 บาท
ส่วนคู่ชิงที่ 3 เมียนมา ชนะ "เจ้าภาพ" ฟิลิปปินส์ 2-1
