เศรษฐกิจโลกปี 2017 สดใสอย่างยิ่ง
ตลาดหุ้นขึ้นถ้วนหน้า ตลาดหลักทรัพย์ไทย ดัชนีทำลายสถิติสูงสุดเดิมอีกต่างหาก
โลกเริงร่า ไทยร่าเริง ส่งออกทะยาน ท่องเที่ยว ทัวร์จีนหลั่งไหล
ใครเลยจะคิดว่า 2018 จะไม่สดใสซาบซ่า
สงครามการค้าระหว่าง 2 อภิมหาอำนาจทำให้โลกสะเทือน หญ้าแพรกแหลกลาญ
โลกเตรียมรับมือเศรษฐกิจถดถอย OECD กระตุ้นให้รัฐบาลแต่ละประเทศเตรียมอัดฉีดเงินกระตุ้น
ส่วนไทยไม่ต้องบอก ถึง OECD ไม่บอกก็กระตุ้นอยู่แล้วเพราะใกล้เลือกตั้ง 555
คนจน คนแก่ ได้อานิสงส์ไปเต็มๆ ซึ่งก็ดีเพราะเป็น 2 กลุ่มที่ถือว่าเป็นผู้ที่ต้องช่วยเหลือ แต่รัฐจะมีเงินโอบอุ้มไปอีกสักเท่าไร ถ้าเศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้
SME ที่ขายของออนไลน์ หรือกลุ่มที่ไม่เข้าระบบ กฎหมายใหม่ที่ว่าด้วยบัญชีใดมีเงินเข้า 3,000 ครั้ง บัญชีที่มีเงินโอนเข้า 200 ครั้ง และเงินที่โอนเข้านั้นถึงสองล้านบาท ธนาคารต้องส่งบัญชีสองประเภทดังกล่าวให้สรรพากรอัตโนมัติ มิเช่นนั้นจะถูกปรับตามกฎหมาย
เหล่าผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบก็ต้องเข้าระบบอย่างน้อย 60% ขึ้นไปและจะมากขึ้นเรื่อยๆ
และจะเริ่มเก็บภาษีที่ดิน บ้าน คอนโดฯ (หลังที่ 2) ในปี 2563 เป็นต้นไป
ก็จะทำให้ได้เงินเข้ารัฐจำนวนมาก แต่ถึงที่สุดแล้วการจะเก็บภาษีได้มากหรือน้อย ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการกวาดต้อนพวกที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ
หรือการเก็บภาษีที่ควรเก็บมานานแล้วแต่เพิ่งจะมาเก็บ
หรือการเพิ่มภาษีบาป
แต่อยู่ที่ว่าเศรษฐกิจเติบโตอย่างทั่วถึงหรือเปล่า
นั่นคือ GDP ที่เอ่ยอ้างกันว่าเติบโตนั้น ไปกระจุกอยู่ที่บางธุรกิจ บางกลุ่มทุนหรือเปล่า
การที่รวยกระจุก จนกระจาย ทำให้ GDP ไม่ได้เป็นภาพสะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉกเช่นอดีตอีกต่อไป
ดังนั้นการเตรียมตัวรับมือความผันผวนในปีหน้า ซึ่งดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอนนั้น ก็ควรจะรีบวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ
การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากปรารถนา เพราะคิดว่าเมื่อมีเลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นแบบฝนตกทั่วฟ้า
แต่ในหลายประเทศ เศรษฐกิจก็ดีได้โดยที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำไป เช่น จีนและเวียดนาม
ขณะที่ประเทศที่มีการเลือกตั้ง ก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจได้ เช่น อาร์เจนตินา
ดังนั้นสมการที่ว่าหากมีการเลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้น ก็ไม่จริงเสมอไป
แล้วทำไมคนยังอยากจะเลือกตั้ง ก็เพราะว่าถึงแม้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าตอนนี้
และที่สำคัญก็คือเมื่อมีการเลือกตั้ง อย่างน้อยรัฐบาลก็อาจฟังเสียงของประชาชนมากขึ้น
นั่นหมายความว่า หากพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ จนกระทั่งเกษตรกรไม่มีกินมีใช้ เมื่อมีการเลือกตั้งก็อาจจะได้เห็นการเดินขบวนไปหารัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ
ก็จะเกิดความวุ่นวายอีกแบบหนึ่ง
แต่ก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย!!!