วันนี้ (21ส.ค.61) หลังจากวานนี้ (20 ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ขยายตัว ร้อยละ 4.6 จากเดิมคาดว่าเติบโต ร้อยละ 4.4 เนื่องจากการบริโภค และการลงทุน ขยายตัว รวมทั้ง การส่งออกเติบโตในเกณฑ์สูง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ธปท.อาจจะพิจารณาเลิกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ โดยอาจมีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับประเทศอุตสาหกรรมหลัก เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเราไม่สามารถสวนทิศทางตลาดได้ แต่ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ด้านบทวิเคราะห์ของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น 1 ครั้ง ในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้จากร้อยละ 1.5 เป็น ร้อยละ 1.75 ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีและอัตราเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบเป้าหมายแล้ว และจากการที่ ธปท. ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เช้านี้ ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น เปิดตลาดหลุด 33 บาท มาอยู่ที่ 32.87 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าในรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2561
นอกจากนี้ อีกปัจจัยที่ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น เป็นผลมาจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การขึ้นดอกเบี้ยของประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในกรณีที่ เฟด มีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายทรัมป์ คิดว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และจะไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวดจนเกินไป คำพูดดังกล่าว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เป็นเวลาสั้นๆ บริเวณกรอบบนของ 109 เยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว เมื่อช่วงเช้า ซึ่งอ่อนค่าลงจากระดับ 110.61 เยน เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.)