โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เศรษฐกิจย่ำแย่…แต่”งบกลาโหม”เพิ่ม

Businesstoday

เผยแพร่ 20 ต.ค. 2562 เวลา 01.46 น. • Businesstoday
เศรษฐกิจย่ำแย่…แต่”งบกลาโหม”เพิ่ม

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ปีนี้เปิดให้มีการอภิปราย3วันระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม ทุกๆปีที่ผ่านมาการพิจารณางบประมาณประจำปีมักไม่ใครสนใจ ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเร้าใจยังไงๆก็ผ่านสบายๆ

แต่ปีนี้ต้องบอกว่าต้องลุ้นระทึกอย่างยิ่งเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า เสียงฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำสูสีใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน หากฝ่ายใดเผลอกระพริบตาเพียงนิดเดียวเกมอาจจะพลิกได้ นั่นหมายความว่า หากงบประมาณปี 63ไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลมีแค่ 2ทางเลือก ยุบสภาฯแล้วเลือกตั้งใหม่หรืออีกทางหนึ่งต้องลาออกให้ฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาลแทน  แต่ดูแล้วรัฐบาลคงทำทุกวิถีทางที่จะให้งบฯผ่านให้ได้แม้จะต้องลุ้นจนเหงื่อตกก็ตาม

ที่น่าสนใจงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในกรอบวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 แสนล้านบาทนั้น เป็นรายจ่ายประจำ 80% ที่เหลืออีก 20%เป็นงบลงทุนซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกปีแต่ที่แปลกประหลาด แบบไม่ค่อยพบเห็นมาก่อนไฮไลท์อยู่ที่ 2ประเด็น คืองบประมาณปี63นี้จัดสรร”งบกลาง”สูงเป็นอันดับหนึ่ง สะท้อนว่าเป็นการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการจัดการอย่างเต็มที่ 

อีกประเด็นซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางคือ”งบกระทรวงกลาโหม”ปีนี้เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กระทรวงอื่นๆไม่ว่ากระทรวงศึกษาหรือกระทรวงเศรษฐกิจที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาประเทศกลับลดลง รวมถึงงบประมาณที่จัดสรรให้องค์กรท้องถิ่นถูกตัดไป 3หมื่นล้านบาท 

น่าจับตา”พรรคพลังท้องถิ่นไทย”จะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร

ถ้าจะพลิกแฟ้มงบประมาณกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ปี2549ตอนนั้นได้รับการจัดสรรเพียง 8.59 หมื่นล้านบาท แต่ปี 2563 พุ่งพรวด 2.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 271% หรือเกือบ 3 เท่าตัวเลยทีเดียว

นักวิชาการต่างประเทศที่เชี่ยวชาญด้านการทหารระบุว่า การจัดงบประมาณของไทยสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนทั้งมาเลเซีย พม่า และกัมพูชาใน 5 ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศล้วนลดงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ แต่ประเทศไทยกลับเพิ่มงบการทหารถึง 17.5% นับแต่รัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา งบกลาโหมเพิ่มขึ้นกว่าพันล้านดอลลาร์

นอกจากจะสวนกระแสประเทศเพื่อนบ้านแล้ว การจัดงบประมาณปีนี้ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงยังสวนกระแสโลกอีกด้วยเพราะรูปแบบของสงครามสมัยใหม่ไม่ได้เน้นที่การใช้กำลังทหาร ไม่ได้เน้นเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ เหมือนกับสมัยก่อน แต่สงครามยุคใหม่เป็นสงครามการค้า สงครามโซเชี่ยลมีเดีย

ตลอด5 ปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ารัฐบาลคสช. ใช้งบประมาณซื้ออาวุธไปเท่าไหร่แต่ล่าสุดก็มีผู้ร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการจัดซื้อรถเกราะล้อยาง จากสหรัฐอเมริกา 37 คัน (แถมฟรี 23 คัน) มูลค่า 2,480 ล้านบาท และเฮลิคอปเตอร์ 31 ลำ 12,000 ล้านบาทส่อว่าซื้อแพงเกินจริง

อย่าลืมว่างบกลาโหมเป็นงบด้านความมั่นคงไม่มีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจ ตรงกันข้ามกับทำให้เศรษฐกิจโตช้าเพราะแทนที่จะนำงบเหล่านี้ไปพัฒนาประเทศในโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่นๆ เช่น คมนาคมที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านการศึกษาที่ช่วยพัฒนาบุคคลากรของประเทศ เป็นต้น 

เมื่อรัฐบาลจัดงบประมาณด้านเศรษฐกิจลดลง แต่จัดงบกลางรายการสำรองฉุกเฉินและงบกระทรวงกลาโหมสูงกว่าปีที่ผ่านมาสะท้อนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคง มากกว่าด้านเศรษฐกิจในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลง เศรษฐกิจในประเทศกำลังถดถอยต้องการงบประมาณในการฟื้นฟู

ประชาชนระดับล่างเดือดร้อนไปทางไหนก็มีแต่เสียงบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีประชาชนบางส่วนยังเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมต้องมาขอรับบริจาค โรงพยาลขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตูน บอดี้แสลม ต้องออกแรงวิ่งเรี่ยไรแต่รัฐบาลกลับจัดอันดับความสำคัญให้ความมั่นคงมาก่อนเศรษฐกิจ

สงสัยว่าประเทศไทยจำเป็นต้องใช้งบประมาณด้านความมั่นคงมากมายขนาดนี้เชียวหรือ ในขณะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ประเทศชาติและประชาชนได้อะไรจากงบประมาณกลาโหมที่เพิ่มขึ้น 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0