ในปัจจุบัน Samsung ได้กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายใหญ่ในวงการไปแล้วอย่างไม่มีข้อกังขา โดยในแต่ละปีวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ Samsung นั้นคงจะหนีไม่พ้นสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S และในครั้งนี้จะขอนำทุกท่านกลับไปชมกันว่าสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S มีที่มาอย่างไร แล้วในปัจจุบันมีออกมาสู่ตลาดกี่รุ่นกันแล้ว
ประวัติความเป็นมา
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้ชื่อตระกูล Galaxy คือรุ่น "Samsung I7500 Galaxy" ที่ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 และถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 1.5 (Cupcake) ซึ่งต่อมาทาง Samsung ยังคงพัฒนาสมาร์ทโฟนของตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy รุ่นใหม่อย่าง
Samsung Galaxy S ซึ่งในขณะนั้นทาง Samsung ได้วางการตลาดให้สมาร์ทโฟนในตระกูลนี้เป็นรุ่นเรือธงของค่าย และเป็นการรุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัวของทาง Samsung อีกด้วย โดยตัวอักษร "S" ที่ถูกนำมาใช้เรียกชื่อรุ่นของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า "Success" ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า "ความสำเร็จ"
ต่อมาทาง Samsung ยังคงไม่หยุดพัฒนาสมาร์ทโฟนของตัวเองให้ดีขึ้นพร้อมปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy S รุ่นแรกภายในปี 2010 ซึ่งรุ่นดังกล่าวนี้ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในระดับไฮเอนด์ ที่มีหน่วยประมวลผลความเร็ว 1GHz, RAM 512MB, หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 4 นิ้ว กล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังสามารถทำยอดจำหน่ายได้สูงถึง 24 ล้านเครื่องทั่วโลก
ในปี 2011 Samsung ได้ปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดความสำเร็จอย่าง Samsung Galaxy S II ออกสู่ตลาด พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวและมีความบางเพียง 8.89 มิลลิเมตร อีกทั้งยังพัฒนาหน่วยประมวลผลให้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยซีพียู Exynos 4210 (Dual-Core) ความเร็ว 1.2GHz พร้อม RAM 1GB หน้าจอ Super AMOLED Plus 4.3 นิ้ว กล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถทำยอดจำหน่ายได้สูงถึง 40 ล้านเครื่องทั่วโลก
ปี 2012 Samsung ยังแสดงศักยภาพด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S III ที่มาพร้อมขุมพลังในการประมวลผล Exynos 4412 ที่มีแกนประมวลผลมากถึง 4 คอร์ (Quad-core) พร้อม RAM ขนาด 1GB และเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 4.8 นิ้ว พร้อมความละเอียดในระดับ 720p ด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากกว่า 40 ล้านเครื่องทั่วโลก
ในปี 2013 ทาง Samsung ยังคงสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนของตัวเองอย่างมุ่งมั่นพร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy S4
ที่ปรับดีไซน์ตัวเครื่องให้เพรียวบางลง
(7.9 มิลลิเมตร)
ประมวลผลด้วยซีพียู Exynos 5 Octa 5410 ที่มีแกนประมวลผลมากขึ้นเป็น 8 แกน, เพิ่มขนาดหน้าจอแสดงผล Super AMOLED เป็น 5 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ Full HD อีกทั้งยังได้พัฒนาเรื่องกล้องถ่ายรูปให้มากขึ้นเป็น
13 ล้านพิกเซล
ปี 2014 ทาง Samsung ได้นำเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S5
เป็นครั้งแรก พร้อมระบบสแกนนิ้วมือเพื่อรักษาความปลอดภัย และยังสามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 สำหรับกล้องถ่ายรูปได้รับการพัฒนาให้มีความละเอียดที่สูงขึ้นเป็น 16 ล้านพิกเซล อีกทั้งได้รับการออกแบบตัวเครื่องให้มีความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยฝาหลังพื้นผิวหนังสังเคราะห์ลายจุด (Stitched Leather)
ปี 2015 ถือเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy S อย่างแท้จริง โดยทาง Samsung ได้เปิดตัว Galaxy S6 และ S6 edge ด้วยการปรับดีไซน์แบบใหม่ทั้งหมด พร้อมเลือกใช้วัสดุกระจกและโลหะเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการผลิตตัวเครื่อง อีกทั้ง S6 edge ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมหน้าจอขอบโค้งแบบ Dual Curved Edge Screen มาใช้ นอกเหนือจากนี้ทาง Samsung ได้พัฒนากล้องด้วยการนำเทคโนโลยีรูรับแสง F1.9 มาใช้งาน ทำให้ถ่ายภาพได้คมชัดยิ่งขึ้นแม้ในสภาวะแสงน้อย และทาง Samsung ส่งท้ายปี 2015 ด้วยการเปิดตัว Galaxy S6 edge+
สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 5.7 นิ้ว พร้อม RAM ที่สูงถึง 4GB
ล่าสุดในปี 2016 ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S รุ่นที่ 7 ในชื่อ Galaxy S7 และ S7 edge โดยคงเอกลักษณ์ด้านดีไซน์จากรุ่นก่อนหน้านี้ไว้อย่างครบถ้วน ผสานประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย CPU Exynos 8890 พร้อม RAM ขนาด 4GB แสดงผลได้อย่างคมชัดสมจริงบนหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ Quad HD และยังได้นำฟีเจอร์กันน้ำ-กันฝุ่นมาตรฐาน IP68 กลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงมีการนำเทคโนโลยี Dual Pixel มาใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก พร้อมรูรับแสงกว้างที่สุดในขณะนี้ที่ F1.7
- รีวิว Samsung Galaxy S7 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นเด่นของซัมซุง กันน้ำได้ เล่นเกมส์แรง ถ่ายรูปสวย ราคาเปิดตัว 23,900 บาท
- รีวิว Samsung Galaxy S7 edge ยกโฉมใหม่ หน้า edge Screen ตอบโจทย์มากขึ้น พร้อมคุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่น ประหยัดแบตฯ และเล่นเกมได้มันยิ่งขึ้น วางจำหน่ายแล้ว 26,900 บาท
ส่วนปีต่อมา Samsung ก็สร้างปรากฏการณ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งกับสองสมาร์ทโฟน S8/S8+ ชูจุดเด่นเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้พรีเมียมยิ่งขึ้น พร้อมจุดเด่นที่อัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไฮไลท์สำคัญคือผู้ช่วยส่วนตัวนามว่า Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะความท้าทายใหม่ของ Samsung :
เราสามารถเรียกใช้งานผู้ช่วยได้ทั้งแบบกดปุ่มหรือแค่พูดว่า "Bixby" เริ่มต้นการทำงานทันที เบื้องต้นระบบ AI ดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นจึงใช้ได้ไม่กี่แอปฯ อาทิ แอพฯ ของ Samsung, การโทร, ข้อความ, การตั้งค่า, กล้อง, แจ้งเตือน, รายชื่อผู้ติดต่อ, คลังภาพ หากต้องการข้อมูลใดจากภาพผู้ช่วยเราก็จะทำการค้นหาทันที ทั้งสามารถอ่าน QR Code ได้โดยไม่พึ่งแอพฯ อื่นด้วย นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังเรียนรู้ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
- บทสรุปจุดเด่นและข้อแตกต่างของ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ก่อนซื้อต้องรู้ รวมไว้ให้แล้ว!
- รีวิว Samsung Galaxy S8 ฉีกกฎดีไซน์ไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม หน้าจอ 5.8 นิ้ว ถือกระชับมือเดียว พร้อมระบบความปลอดภัยสแกนม่านตา Iris Scanner
- รีวิว Samsung Galaxy S8+ ปรับโฉมใหม่สวยกว่าเดิม จอใหญ่ดูหนังเล่นเกมเต็มตา มีสแกนม่านตา กันนํ้าได้ พร้อม Bixby ผู้ช่วยที่ทำทุกเรื่องให้เป็นเรื่องง่าย
ต่อด้วย Samsung Galaxy S9/S9+ ยังคงเน้นเอกลักษณ์การเป็นซีรีย์ที่มีรูรับแสงกว้างที่สุดเช่นเคย โดยกว้างถึง f/1.5 แต่ทางแบรนด์ก็ใช้ซอฟต์แวร์ในการปรับแทน ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์เฉพาะ ซึ่งให้ความสว่างอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกันในสภาพแวดล้อมแสงน้อย พร้อมพัฒนาความคมชัดจากลำโพงสเตอริโอที่ปรับแต่งเสียงโดย AKG เสียงทรงพลังมากขึ้น 1.4 เท่า (เทียบรุ่นก่อน) และมีระบบเสียงรอบทิศทางสามมิติ Dolby Atmos
เน้นความบันเทิงเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ก็มีเฉดสีตัวเครื่องที่มากขึ้นกว่าเดิม อาทิ Coral Blue, Lilac Purple, Polaris Blue, Midnight Black, Sunrise Gold, Titanium Gray และ Burgundy Red
- รีวิว Samsung Galaxy S9 โดดเด่นด้วยจอโค้งไร้ขอบ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ AR Emoji ระบบเสียงแบบใหม่ พร้อมกล้องหลังรูรับแสงกว้างสุดถึง F1.5
- รีวิว Samsung Galaxy S9+ สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกล้องรูรับแสงกว้างที่สุดในโลก เพิ่มลูกเล่น AR Emoji ถ่ายสโลว์โมชั่นได้ 960 fps
ปี 2019 เปิดตัวด้วย Samsung Galaxy S10/S10+ ที่ทางซัมซุงยังคงความสุดยอดของซีรีย์นี้ได้เสมอพร้อมจุดเด่นการดีไซน์, สเปก, ฟีเจอร์การใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ครบถ้วน น่าจับจองเป็นเจ้าของ หากอธิบายคงดูเยอะไป แต่สามารถดูด้วยภาพ เป็นอีกหนึ่งการนำเสนอของซัมซุงผ่านภาพอินโฟกราฟิก
- รีวิว Samsung Galaxy S10 พระรองในตระกูล Galaxy S10 แต่ยังคงความโดดเด่นแบบลงตัว ไม่แพ้ตัวท็อป
- รีวิว Samsung Galaxy S10+ หนึ่งทศวรรษกับสมาร์ทโฟนตระกูลท็อป ที่เพรียบพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เป็น World's First
เดินทางมาถึงปี 2020 หลายคนอาจยังสงสัยว่าเอ้าแล้วทำไมทาง Samsung จึงไม่ตั้งชื่อว่า Galaxy S11/S11+ แต่กระโดดไปถึง S20 นั่นก็เป็นเพราะว่า…
ตลอดระยะเวลาปี ค.ศ. 2009-2019 ก็รวมกัน 10 ปีแล้วที่ทางซัมซุงได้นำเสนอเทคโนโลยีกับนวัตกรรม ซึ่งพวกเขาต้องการหยุดความสำเร็จในอดีตไว้เพียงเท่านี้ แต่ต้องการเริ่มยุคสมัยใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน, เทรนด์แฟชั่น, ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีกับนวัตกรรมที่มีความแตกต่างจากในอดีตอย่างมาก อาทิ 5G, AI, Internet of Things เป็นต้น ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างโลกภายนอกและโลกดิจิทัล ที่ทาง Samsung เตรียมจะนำเสนอต่อสาธารณชนต่อจากนี้อีก 10 ปีต่อจากนี้คือ 2020-2029 นั่นหมายความว่าชื่อรุ่นต่อจากนี้จะนับตามจำนวนปี
เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มีของชื่อ Samsung Galaxy S20/S20+/S20 Ultra หากใครสนใจสามทหารเสือนี้ก็สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย สยามโฟนได้รวบรวมไว้หมดแล้ว
- รวมให้แล้วโปรโมชั่นจอง Samsung Galaxy S20/S20+/S20 Ultra เจ้าไหนแถมจัดหนัก!
- สรุปจุดเด่น Samsung Galaxy S20, S20+, S20 Ultra จะมาปฏิวัติการถ่ายภาพและวิดีโอ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับประวัติศาตร์ของ Samsung Galaxy S ก็เดินทางมาอย่างยาวนานถึง 11 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันได้เป็นรุ่นที่เรียกว่าอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์หลากหลาย กับกล้องที่ถ่ายภาพไม่ชัด จนมาถึงกล้อง 108 ล้านพิกเซล ซูมได้ 100 เท่า!!! ก็น่าติดตามไม่น้อยเลยว่าปี 2021 จะมีอะไรให้ WOW อีกบ้าง