โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เล่นหุ้นแบบมืออาชีพ VS เล่นหุ้นเป็นอาชีพ

Rabbit Today

อัพเดต 17 ธ.ค. 2561 เวลา 15.05 น. • เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2561 เวลา 15.05 น. • คุณปิยมิตร ยอดเมือง
play-the-stock-market-biz-buzz-Rabbit- Today-banner

ผมอยู่ในแวดวงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปี 2533 ได้พบเห็นนักลงทุนมาทุกรูปแบบแล้วครับ ไม่ว่าจะรวยจากหุ้น จนเพราะหุ้น ชีวิตดีเพราะหุ้น ชีวิตแย่เพราะหุ้น

ได้เห็นใครหลายคนที่ออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มีอาชีพเป็นนักเล่นหุ้น ซึ่งก็มีที่ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง 

ได้เห็นใครอีกหลายคนที่ยังทำงานประจำอยู่ แต่มีรายได้จากการเล่นหุ้นมากกว่าเงินเดือนจากงานประจำ ในขณะที่บางคนก็สูญเสียเงินเดือนไปกับการเล่นหุ้นจนเกือบหมดตัว

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนแต่ละคนมีสถานะแตกต่างกัน และผลลัพธ์แตกต่างกันก็คือ ‘ความเป็นมืออาชีพ’ ซึ่งอาจอยู่ในตัวของคนที่ลงทุนหุ้นเป็นรายได้เสริมหรือลงทุนหุ้นเป็นรายได้หลักก็ได้

สิ่งหนึ่งที่ต้องบอกไว้ตั้งแต่บรรทัดนี้คือ ‘ถ้าไม่มีความเป็นมืออาชีพ อย่าออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนอาชีพเลยครับ จะลำบากลำบนเสียเปล่าๆ

คนที่จะเลือกอาชีพหลักเป็นนักเล่นหุ้นได้อย่างสบายๆ ไม่เครียดไม่ทุกข์ ไม่จุกเจ่าเศร้าซึมนั้น ควรมีคุณสมบัติเบื้องต้นอย่างนี้ครับ

หนึ่ง ไม่มีหนี้…ผมคิดว่าข้อนี้สำคัญมากครับ เพราะคนที่ไม่มีหนี้จึงจะได้ชื่อว่ามีอิสระจากบ่วงรัดทางการเงินอย่างแท้จริง อันจะส่งผลไปถึงการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นตามปัจจัยของตลาดหรือปัจจัยของหุ้นนั้นๆ อย่างแท้จริง ไม่ใช่อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบังคับจากภาระหนี้ที่ทำให้ต้องยอมขายหุ้นบางตัวทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในจังหวะเหมาะสมที่จะขาย

สอง มีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายแบบสบายๆ ในแต่ละเดือน…หากเล่นหุ้นเป็นอาชีพแล้วต้องอดมื้อกินมื้อเพราะเงินสดไม่เพียงพอ ไปจมอยู่กับหุ้นหมด อย่างนี้อย่าเล่นหุ้นเป็นอาชีพเลยครับ เพราะฉะนั้น เราจะต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัวไว้ เพื่อจะบริหารเงินส่วนตัวให้เกินดุลในแต่ละเดือน เช่น หากต้องการใช้จ่ายเงินเดือนละ 50,000 บาท โดยที่ไม่มีรายได้จากงานประจำ รอผลตอบแทนจากหุ้นเท่านั้น ก็ต้องไปดูทางฝั่งรายได้ว่าจะมีมาจากอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้ว หุ้นจะให้ผลตอบแทน 2 อย่าง คือ เงินปันผล กับกำไรจากการซื้อขายหุ้น 

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรอบของการจ่ายเงินปันผลแตกต่างกันไป หลายบริษัทจ่ายปีละครั้ง บางบริษัทจ่ายปีละ 2 ครั้ง และบางบริษัทจ่ายปีละ 4 ครั้ง (ทุก 3 เดือน) 

ส่วนกำไรจากการซื้อขายหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และแผนการลงทุนของแต่ละคนด้วยครับว่าลงทุนแบบเก็งกำไร ลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว 

ดังนั้น คนที่ไม่มีเงินเดือนประจำ จะไม่สามารถคำนวณรายรับจากหุ้นแบบเดือนต่อเดือนได้ ซึ่งผมคิดว่าระยะที่สั้นที่สุดที่คำนวณได้ก็คือระยะ 3 เดือน หากต้องการใช้เงินเดือนละ 50,000 บาท จะต้องมีรายรับจากหุ้น 150,000 บาท ในระยะ 3 เดือน ทำได้หรือไม่ต้องไปคำนวณกันดูนะครับ แต่ถ้าใช้เงินต่อเดือนน้อยกว่านี้ เราก็ไม่ต้องคาดหวังผลตอบแทนจากหุ้นสูงขนาดนี้ (นี่คือเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมคนเล่นหุ้นที่เป็นนักลงทุนระยะยาวจึงมักจะมีนิสัยประหยัดกินประหยัดใช้ แต่นักเก็งกำไรจะมีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากกว่า)

สาม มีความเป็นมืออาชีพ…โดยคุณสมบัติหลักๆ ของมืออาชีพก็คือ มีข้อมูลที่ดี มีความรู้ที่เพียงพอในเรื่องหุ้น  มีวิธีคิดที่ดี วิธีการตัดสินใจที่ดีที่ถูกต้อง และมีวินัย

หากนักลงทุนคนใดที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ด้านดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้แล้วเบื่องานประจำ อยากจะออกมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ผมก็ไม่ขัด แต่ถ้ายังไม่ใช่ ก็ทำงานกินเงินเดือนไปก่อนเถอะครับ

อยากเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ต้องเป็นมืออาชีพด้วยครับ ถึงจะเรียกว่านักลงทุนผู้ชาญฉลาดอย่างแท้จริง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0