โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เปิดใจที่แรก แต่งไม่แต่ง มิน พีชญา ย้ำไม่ใช่ของเล่นไฮโซ

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง

อัพเดต 18 ต.ค. 2562 เวลา 08.12 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2562 เวลา 02.30 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ทุกชีวิตเราเติบโตขึ้นทุกวัน ความรักก็เช่นกัน'มิน' พีชญา วัฒนามนตรี ที่ใครหลายคนบอกว่า เธอแทบจะไม่เคยมีข่าวเรื่องราวความรัก ไม่ใช่เพราะปิดความสัมพันธ์ แต่ มินเล่าว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งบอกเล่าทุกครั้งเมื่อมีความรักนั่นเอง

Thairath Talk คุย มิน พีชญา นางเอกสาวที่โลดแล่นและมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง แต่ไม่สันทัดเรื่องความรัก เขาเปิดใจให้หนุ่มนักธุรกิจ 'โอ๊ต' พิทักษ์ สภาธรรม กว่า 3 ปี โดยเธอหลุดปากว่าความรักครั้งนี้ไม่ง่าย 'เลิกกันเป็นพันครั้ง' กว่าจะมีวันนี้ มินเล่าจุดเริ่มต้น นิยามรัก นำมาสู่ความสัมพันธ์ที่ดี โมเมนต์ขอเป็นแฟน งานแต่งในฝัน  

คุยลับความรัก กับ มิน พีชญา ที่คุยตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จนถึงพระจันทร์กำลังขึ้น มีแสงจันทร์รำไร โรแมนติกสุดๆ ไปเลย รับรองคุณไม่เคยได้ยินที่ไหน ที่แรกที่เดียว ไทยรัฐทอล์ก

Thairath Talk : สถานะความรัก

ก็จริงๆ ดีใจที่คุณโอ๊ตพูดแบบนั้นเนอะ จริงๆ เหมือนเขาให้เกียรติเรานั่นแหละ ในมุมว่าเขาจริงจังนะ ส่วนมินก็มองว่าทุกอย่างมันก็ดี ทุกอย่างมันก็ลงตัวของมันค่ะ

Thairath Talk : ความรักเปลี่ยนไปจากสมัยก่อนไหม

เปลี่ยนค่ะ มินว่าเราก็เติบโตขึ้นทุกวัน ในชีวิต ในทุกๆ เรื่องที่เราเคยผิดพลาด เติบโตและก็เรียนรู้ สมัยก่อนมินเป็นคนที่แบบเหมือนเวลาจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต ก็คือเอาแต่ใจตัวเองมาก จะเลือกแนวแบบว่า ถ้าทำให้ฉันมีความสุขไม่ได้ก็คือให้คุณมีความสุขในแบบของคุณดีกว่าที่ไม่มีฉัน คือเป็นคนที่แบบพร้อมที่จะจบความสัมพันธ์อย่างง่ายดาย

Thairath Talk :โดยมีเราเป็นศูนย์กลางของความรัก

ใช่ค่ะ โดยมีตัวเราเป็นศูนย์กลาง เช่นเดียวกับที่ตอนเด็กๆ เราก็ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของครอบครัวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือพี่เราค่ะ เราก็จะเหมือนหัวหน้าแก๊งตลอด เวลาพูดต้องฟังนะ ดื้ออะ พอวันหนึ่งเราเข้าใจคำว่ารัก คำว่ารักมันคือ การที่เราเข้าอกเข้าใจและเห็นใจกัน มินว่าความรักมันใช้คำว่าถูกผิดไม่ได้ นี่คือเรื่องที่มินเรียนรู้เลยนะคะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอาคำว่าถูกผิดมาใช้ในความรักอะ มันจะกลายเป็นการตัดสิน เหมือนกับบว่าสมมติว่ายกตัวอย่างมีคนในครอบครัวเรายืมเงินเราสิบบาท และเราก็มองว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่คืน นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทำไมถึงทำแบบน้ี แล้วเราก็มีความไม่เข้าใจแล้วเราก็โกรธ และเราก็ตัดสัมพันธ์ เลือกที่จะหันหลังให้กับปัญหาแล้วเดินหนีไป

เมื่อเรารักใครคนหนึ่ง มันจะกลายเป็นว่ามองไปในมุมที่คนคนนั้นปฏิบัติต่อเราว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น 

สมมติคนนั้นพูดจาแย่กับเรามากๆ เลย เป็นคนที่เรารักมากคนหนึ่งในครอบครัว เป็นใครก็ได้ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นเพื่อนสนิท เป็นแฟน เป็นได้ทุกอย่าง พูดสิ่งที่เราไม่อยากฟัง และเราไม่ชอบ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามองว่าเขาตัดสินเราอะ เราจะโกรธ แต่ถ้าเรามองว่าเขาพูดเพราะเขารักเรา เขาพยายามจะสื่อสารอะไรผ่านคำพูดที่เราไม่อยากได้ยินนั้นอะ เราจะกลายเป็นว่าเราเข้าใจเขาทันทีว่าเขาจะพูดอะไร

แค่ปรับมุมมองไปอยู่ในมุมเขามองเข้ามา 

Thairath Talk : สะท้อนไปความรักเหมือนกัน

เวลาคนพูดกับเราอะ มันเป็นเรื่องที่ดี การสื่อสารกันมันเป็นเรื่องที่ดี แต่สื่อสารกันยังไงแล้วเข้าใจกัน มันมองว่าความรักคือการไม่ตัดสิน และมองในมุมที่เข้าอกเข้าใจและมีเมตตา

Thairath Talk : ณ ปัจุจบัน นิยามเป็นแบบนี้แล้ว

เป็นแบบนี้แต่แต่ก่อนไม่ใช่เลย แต่ก่อนแบบเป็นนักตัดสิน เป็นศาล

-เป็นข่าวเรื่องความรักน้อยมาก-

 

ถามว่าเป็นความตั้งใจไหม ไม่ใช่ค่ะ เรามองว่าเรื่องบางอย่างที่คนนอกอาจะตีความ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดออกไป เพราะว่าต่างคนต่างพ่อแม่ ต่างคนต่างความคิด เราสามารถตีความได้หนึ่งคำพูดที่แตกต่างกัน มุมบวก มุมลบ มุมลบมากๆ บางคนชื่นชมหรือบางคนก็ตีความไปในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องพูด ก็พูดแต่ไม่ได้ลึกมากค่ะ

Thairath Talk : ความรักครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

มินมองว่า ความรักเป็นเรื่องที่ดี เป็นความสวยงาม ชีวิตดีกว่าไม่มีคนรักเรา เพราะฉะนั้นมีคนนึงที่มอบความจริงใจให้เราเป็นเรื่องที่เราต้องเห็นคุณค่า แล้วเราต้องอย่าทำลายมัน เราต้องรักษามันไว้

Thairath Talk : ทำไมถึงถูกใจเขา

จะใช้คำว่าถูกใจในครั้งแรกมันก็ไม่ถูก เริ่มด้วยงาน จริงๆ คุณโอ๊ตเป็นนักบริหารไพรเวตเวลล์ค่ะ มีประสบการณ์ด้านการทำงานหลายด้าน แล้วก็คุณโอ๊ตเรียนอสังหาริมทรัพย์ที่จุฬาฯ ค่ะ เป็นคอร์สเรียนที่มินก็เข้าไปเรียนพร้อมกัน แต่สมัยเรียนไม่เจอกันนะคะ ไม่รู้จักกัน แต่คิดว่าหลังจากจบไปประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีค่ะ คุณโอ๊ตเอารายชื่อพวกเด็กในรุ่นอะมาดู ว่าใครพอจะเป็นลูกค้าเขาได้บ้าง หาลูกค้านั่นแหละ

เขาก็เริ่มจากคุยก่อน ก็เลือกคนนะ แล้วพอดีว่าช่วงนั้นมินยุ่งมาก มินมีถ่ายหนังที่จีน เขาก็ไลน์มา แต่ว่ามินไม่เห็น ไลน์มันไปอยู่ล่างๆ สไลด์มาเจอเดือนหนึ่งผ่านไป ก็รีบตอบ รู้สึกเสียมารยาทมาก แต่ว่าเราก็บอก พี่คะ ขอโทษมากเลยเราไม่เห็น เขาก็ถามทัศนคติเรา เป้าหมายเป็นอย่างไร เราก็เล่าไปในจุดที่เราเล่าได้

Thairath Talk : มันกลายเป็นความรักยังไง

คือเริ่มด้วยการทำงานกันก่อน เขาไม่ได้เสน่หามินเลย เขาก็มองมินแสบๆ หน่อย เป็นคนทำงานตลอดเวลา วันว่างก็หาอะไรทำ หาตัวจับยาก เขาเลยใช้วิธีส่งของมาที่กองถ่ายค่ะ ช่วงนั้นก็โสด ส่งของมา เขียนการ์ดแปะมาหน้าอาหาร เห็นบอกว่าชอบทานอาหารสุขภาพก็เลยสั่งอาหารคลีนมาให้ ทานให้อร่อยนะครับ อันนั้นเป็นครั้งแรก เอ๊ะ นี่เขาดูแลลูกค้าแบบนี้เหรอ

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มไลน์มา ไม่ได้รุกคุยเรื่องงาน ซึมๆ ไป มินว่าเขาก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเริ่มชอบเราค่ะ

Thairath Talk : มีการขอเป็นแฟนครั้งแรกยังไงบ้าง

มันไม่เชิงมีวันแบบนั้นค่ะ เราก็เหมือนลูกค้า กองทุนเรื่องหุ้นเรื่องอะไรที่ต้องคุยกัน เขาก็แทรกๆ อะทุกครั้งที่เจอกัน มีหยอด แต่เราก็มีชั้นเชิง แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก เราก็ทำงานๆ วันหนึ่งเขาก็พูดความในใจ ช็อกเลย คุยต่อหน้าเลย วันนั้นไปทำงานกันค่ะ ก็คือคุยงานกันนี่แหละ พอก่อนกลับมินกำลังจะขึ้นรถ เขาก็บอกความในใจ เขาก็บอกว่าเขาชอบเรา เราก็แบบชัดเจนแล้วนะ แล้วหลังจากนั้นมันก็พัฒนามาเรื่อยๆ ค่ะ อีกหลายเดือนเขาก็ขอดูแลเรา เขาก็แบบว่าขอดูแล แล้วก็แบบขอดูแลมิน ไม่ใช่ดูแลเรื่องงานแล้วนะ

*Thairath Talk : หัวใจพองโตไหม ความรักครั้งนี้ *

ก็มีชีวิตชีวา ก็รู้สึกขอบคุณกับความรักที่ดีๆ

Thairath Talk : ความรักที่ดีที่สุดในชีวิตหนุ่มสาว

ดีที่สุดในอดีตค่ะ ถ้าเทียบกับอดีตนะ หมายถึงความลงตัว

Thairath Talk : เขาขอแต่งงานหรือยัง

ยังๆ

Thairath Talk : ถ้าเขาขอแต่งงาน จะแต่งงานไหม พูดครั้งแรกที่ไทยรัฐทอล์ก

ในมุมของผู้หญิงก็อยากแต่งงาน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ ยังมองว่าตัวเองไม่พร้อม จริงๆ มินมองว่าอยากดูแลตัวเองได้ เป็นคนที่ดูแลคุณพ่อคุณแม่ได้ สานต่ออะไรที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจไว้ ไม่ได้เดือดร้อนใคร เขาไม่ต้องมาคอยดูแลเรามากมาย เราดูแลตัวเองได้ แล้วเรามั่นคงกับชีวิตเราค่ะ แล้วเราก็พร้อม

Thairath Talk : 3-5 ปีแต่ง
ไม่มี ไม่รู้ค่ะ จริงๆ มินมองว่าอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้หญิงมีความคาดหวังนี่น่ากลัวมากเลยนะ อยู่กับปัจจุบันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราตั้งอนาคตไว้ แล้วเราคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น แล้วมันไม่เป็น แล้วมันผิดหวัง นั่นน่ะเรียกว่าความคาดหวัง แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้างความคาดหวังขึ้นมา แล้วเสียใจ เรามักจะทำลายคนที่เรารักหลายๆ คน แล้วความสัมพันธ์ที่ดีงามก็จะหายไปค่ะ

Thairath Talk : ภาพฝันอยากจะแต่งงานในรูปแบบไหน

เคยมีตอนเด็กที่สมัยเพิ่งกลับมาจากมอนทาน่า ตอนนั้นโฮสต์แฟมิลี่มินอะ เราก็เห็นงานแต่งงานอบอุ่นมาก เห็นเขาเต้นรำกับคุณพ่อก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าบ่าว เราก็เลยรู้สึกว่า มีแต่คนที่รู้จักเราจริงๆ ตลบอบอวลไปด้วยความรัก ยินดีกับเรา เราก็เลยกลับมาบอกคุณแม่สมัยเด็กๆ เนี่ยอีกหน่อยนะจะแต่งงานแบบเฉพาะครอบครัว จัดเล็กๆ แบบอบอุ่นริมชายหาดค่ะ สบายๆ ติสต์ๆ หน่อย แม่ตอบว่าอะไรรู้ไหมคะ ก็ได้ค่ะลูก ถ้าในชีวิตนี้ลูกจะไม่คบค้าสมาคมกับใครอีกแล้ว แล้วก็ไปทำงาน แล้วมินก็อยู่สภาพแบบจริงด้วย

คือด้วยความที่สังคมเราค่ะ คือการให้เกียรติและการบอกกล่าว เฮ้ย เราจะขยับสถานะแล้วนะ ในคู่ค้าธุรกิจเอย ญาติ เพื่อนๆ ที่อยู่ในสังคม คนที่รักเราในแบบลูกหลาน คิดภาพถ้าวันหนึ่งเราไม่บอกเขา เขาคงเสียใจ ก็ทำไม่ได้ค่ะ วันหนึ่งมันคงต้องมีในรูปแบบที่เหมาะสมค่ะ

Thairath Talk : ไม่ใช่เจ้าสาวที่กลัวฝนใช่ไหม

ไม่ๆ ไม่เลย ไม่เคยอยากใช้ชีวิตบนความกลัว ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกลัวคือชีวิตที่ไม่ได้เติบโต ก็เท่ากับตายแล้ว

Thairath Talk : มีอะไรอยากบอกกับคุณโอ๊ต

อยากจะบอกว่าขอบคุณสำหรับการให้เกียรติมินอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็การให้กำลังใจ การยืนข้างๆ ในทุกๆ การตัดสินใจของมิน ไม่ว่ามันจะเกิดจากการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม สิ่งที่มันสัมผัสได้ก็คือการยืนเคียงข้างมินอย่างสม่ำเสมอ ขอบคุณสำหรับการจริงใจครั้งนี้ค่ะ 

-ความรักไม่ราบรื่น เลิกกันเป็นร้อยหน-

มินว่าปีแรกมันเป็นการปรับจูน ปรับตัวกันระหว่างคนที่อยู่ในวงการบันเทิง วงการบันเทิงมันมีความเอ็กซ์ตร้าอยู่เยอะ มีความเกินลิมิตอยู่เยอะ การเจอผู้คนการสื่อสารที่มากกว่าปกติ เวลาทำงาน เพราะฉะนั้นเวลาเรื่องพวกนี้มันเข้ามา เราต้องมีการปรับจูน ช่วงแรกที่คุยกันค่อนข้างยากพอสมควร เลิกกันสามพันครั้ง 

คือตัวมินเองอย่างที่มินเล่า ก็พร้อมที่จะตัดสินเสมอว่าแบบไม่ไหวหรอก ไม่ไหวแน่ๆ เหนื่อย ถ้าถอดใจตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีวันนี้ ซึ่งมินมองว่าการที่เราจะมีใครสักคนอะ มันเหมือนวงกลมสองอันที่ตอนแรกมีแค่ตัวเองแต่วันหนึ่งมันจะร่วมกัน มันคือการอินเตอร์เซกกันระหว่างตรงกลางค่ะ ที่มันจะไม่เป็นตัวเราร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันคือความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกัน ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน โดยที่ก็มีสเปซให้เขาในจุดที่ไม่ได้อินเตอร์เซกค่ะนั่นคือสเปซของเขา และในจุดที่เป็นของเราจุดที่เขาอาจจะไม่ต้องเข้าใจหรอกแต่เขาพร้อมที่จะสนับสนุน นั่นก็คือการอนุญาตให้เราเติบโตในรูปแบบของเรา และให้เกียรติการตัดสินใจของเราค่ะ ณ ปัจจุบันคือดี แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต เราอนุญาตให้อนาคตทำงานด้วยตัวมันเองค่ะ

Thairath Talk : คิดยังไงกับคำว่าของเล่น Hiso

มันก็เป็นคำที่เขาพูดกัน บางคนก็บอกว่าไฮโซเป็นของเล่นดารา บางคนก็บอกว่าดาราเป็นของเล่นไฮโซค่ะ ก็แล้วแต่มุมมองของคนค่ะ ไม่ได้คิดอะไร เพราะมินมองว่าการที่คนจะเป็นคู่กันเกิดจากความจริงใจและตั้งใจที่จะพัฒนาไปสู่คนรัก คนรักไปสู่คู่รัก คู่แต่งงาน 

Thairath Talk : เราเป็นคนที่ประชาชนจับตามองมันก็อาจจะมีการตัดสินเกิดขึ้น
*อยากจะบอกอะไรกับคนที่บอกว่าคุณคือของเล่นไฮโซ *

คุณโอ๊ตเขาพูดในรายการนะคะว่าเขาไม่ได้เป็นไฮโซ ทำไมไม่มองว่าไฮโซเป็นของเล่นดาราบ้างล่ะคะ คือให้มองมุมกลับค่ะ แล้วก็จะเห็นว่าความจริงคืออะไร แล้วก็ไม่ได้ตัดสินใคร

ติดตามชมฉบับเต็ม ได้ที่ รายการ Thairath Talk วันจันทร์ 21 ต.ค. 2562

เวลา 18.00 น. ทุกแพลตฟอร์ม ของไทยรัฐ 

-

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0