วันที่ 28 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมกลุ่มย่อยของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 หรือ ศบค. ชุดเล็ก เพื่อพิจารณาข้อเสนอมาตรการต่างๆ ก่อนนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 29 พ.ค.
หลังการประชุม พล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เปิดว่า ระยะที่ 3 จะพิจารณาผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถดำเนินกิจกรรมได้มากขึ้น ทั้งในส่วนกิจการและกิจกรรมที่ผ่อนคลายไปแล้วบางส่วน และจะผ่อนคลายเพิ่มเติมในบางกิจการ กิจกรรมที่ยังไม่ได้รับการผ่อนคลายใน 2 ระยะที่ผ่านมา
นอกจากนั้นจะเสนอให้พิจารณาปรับลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการผ่อนคลายมากขึ้น โดยข้อมูลและความเห็นของคณะกรรมการเฉพาะกิจฯที่จะเสนอต่อ ที่ประชุม ศบค.จะเป็นกลุ่มกิจกรรม กิจการที่มีความเสี่ยงสูง ที่ต้องเสนอข้อมูล ความเห็นและพิจารณาด้วยความรอบคอบ
ทั้งนี้ หากมีการผ่อนคลายเพิ่มต้องเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเองตามมาตราการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัดยิ่งขึ้น เพราะยิ่งผ่อนคลายก็ยิ่งต้องดูแลและปฎิบัติตามมาตรการไม่ละหลวม โดยเฉพาะต้องมีการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการติดตามเฝ้าระวังมากขึ้นตามไปด้วย
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า กิจการ กิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 3 จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติมจากระยะที่ 2 เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งอาจขยายผ่อนคลายโรงภาพยนตร์, นวดแผนโบราณที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ, ผ่อนคลายการเดินทางไปต่างจังหวัดของประชาชน
ขณะที่โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ สวนสนุก ต้องรอการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งเพราะเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าทุกประเภทกิจการ กิจกรรมจะได้รับการผ่อนคลายหมดในช่วงเดือน มิ.ย.นี้
ทั้งนี้มีรายงานว่า จะมีการเสนอให้ปรับเวลาเคอร์ฟิว จาก 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. และขยับเวลาการปิดห้างสรรพสินค้าจาก 20.00 น. เป็น 21.00 น.