นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติในไทย ยังคงเชื่อมั่นลงทุนในไทยต่อเนื่อง แม้มีความเสี่ยง เช่น สงครามการค้า ที่ทำให้การส่งออกจากไทยได้รับผลกระทบ และค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ต้องการให้ไทยผลักดันเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเร็ว ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน การขยายสนามบินอู่ตะเภา และการขยายท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน และการขนส่ง นอกจากนี้ ยังต้องการให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดยเร็ว เพื่อดึงดูดความสนใจด้านการลงทุน และภายหลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้ว ต้องการให้เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรปที่ค้างคามานาน
ด้านนายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ได้มองประเทศไทยแค่ระยะสั้น แต่มองระยะยาว จึงอยากให้เร่งรัดการลงทุนเมกะโปรเจกต์ในอีอีซี เพราะจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับไทย แต่หากไม่สำเร็จในรัฐบาลนี้ ก็อยากให้รัฐบาลหน้าสานต่อ นอกจากนี้ ยังต้องการให้แก้ปัญหาคอร์รัปชัน ที่เป็นความเสี่ยงแฝง และเป็นต้นทุนที่มองไม่เห็น ซึ่งบริษัทต่างชาติให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะหากเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชัน อาจทำให้อันดับความน่าเชื่อถือลดลง หากไทยแก้ปัญหาได้ จะน่าลงทุนมากขึ้น ส่วนนายทสึโยชิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า สมาชิกยังเชื่อมั่นลงทุนในไทย แต่ต้องการให้เร่งรัดโครงการต่างๆในอีอีซี รวมถึงการเข้าเป็นสมาชิกซีพีทีพีพี และเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ เพราะจะทำให้นานาชาติเห็นท่าทีของรัฐบาลไทยที่เน้นการค้าเสรี ส่งผลดีต่อการดึงดูดการค้า และการลงทุนของไทย.
