โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เรื่องเล็กที่สุดที่มองข้ามไป - บองเต่า

THINK TODAY

เผยแพร่ 30 ก.ย 2562 เวลา 17.00 น. • บองเต่า

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเพิ่งไปต่างจังหวัดกับที่ออฟฟิศครับ ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม แต่ทริปนี้ไม่ได้เป็นทริปผ่อนคลายที่เราสามารถนอนอืดในโรงแรมเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หรือเล่นน้ำทะเลกันจนตัวเปื่อย เพราะมันเป็นทริป “strategy workshop” ที่คัดเอาเฉพาะ“หัวหน้า” ในบริษัทไประดมสมองวางแผนกลยุทธ์กันครับ ฟังดูก็ไม่สนุกแล้ว สามวันสองคืนที่หัวหิน อย่าว่าแต่จะได้เล่นน้ำทะเลเลยครับ ทะเลยังไม่ได้เห็นด้วยซ้ำ เพราะเป็นเวิร์คชอปที่เข้มข้นมาก อยู่ในห้องประชุมระดมสมองกันทั้งวัน เดินออกมาอีกทีก็ฟ้ามืดแล้ว

เรานั่งคิดนั่งคุยกันหลายเรื่องมาก เราคุยกันตั้งแต่เรื่องทิศทางของบริษัทในยุคที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นทุกวัน เราคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัท ว่ามันมีสาเหตุมาจากไหน แล้วเราจะแก้ไขกันยังไง ไปจนถึงวิธีที่จะทำให้ออฟฟิศของเราน่าอยู่ มีบรรยากาศที่ดี

เราสรุปสิ่งที่เราระดมสมองกันข้ามวันข้ามคืนจนเหลือแค่ประโยคเดียวว่า เราอยากให้ทุกคนในบริษัทเรา “ให้คุณค่าแม้กับสิ่งที่เล็กที่สุด”

ผมเชื่อว่าในชีวิตการทำงาน ไม่มีใครหรอกที่ไม่เครียด ไม่เหนื่อย ยิ่งภาระความรับผิดชอบที่เราแบกรับมากขึ้นไปตามการเติบโตของตำแหน่ง บ่อยครั้งที่เราไม่ได้ให้คุณค่ากับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เราไม่ได้รู้สึกขอบคุณพี่ยาม หรือป้าแม่บ้านที่คอยดูแลความสะอาดในออฟฟิศเรา เราไม่ได้ให้กำลังใจเพื่อนที่เพิ่งขายงานลูกค้าไม่ผ่าน เราไม่ได้แสดงความยินดีกับทีมที่เพิ่งปิดโปรเจกต์มหากาพย์ได้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เราไม่ได้ลืมเรื่องพวกนี้หรอก แต่เรามองข้ามมันไป เพราะแค่การเอาชีวิตให้รอดจากพายุงานในแต่ละวันมันก็ไม่ง่ายแล้ว ทุกคนในห้องเวิร์กชอปเห็นด้วยตรงกันในเรื่องนี้ เพราะทุกคนที่มานั่งคุยกันในเวิร์กชอปนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นหัวหน้าทีมที่แบกรับภาระมหาศาลกันทั้งนั้น

เราเชื่อว่าถ้าเราให้คุณค่ากับเรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้ ออฟฟิศเราจะน่ารักขึ้น จะมีคนยิ้มมากขึ้น และจะมีเสียงหัวเราะมากขึ้น ซึ่งสิ่งเล็ก ๆ นี้แหละที่จะผลักดันพาให้ทีมของเราไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าได้ง่ายขึ้น

ตอนแรกเราคิดว่าสิ่งที่เราคิดกันหัวแทบระเบิดในเวิร์กชอปสามวันนี้ กว่าจะได้ทำและเห็นผลจริงก็คงอีกสักพัก แต่ใครจะไปรู้ว่าเราจะเข้าใจในสิ่งนี้กันในกิจกรรมสุดท้ายก่อนกลับบ้านกัน

ในกิจกรรมสุดท้าย ทีมงานแจกริบบิ้นสามสีให้กับทุกคน แต่ละสีมีความหมายของมันอยู่ 

สีขาวสำหรับแทนการขอบคุณ หากเรามีเรื่องอะไรที่อยากขอบคุณ ก็เดินไปไปผูกริบบิ้นสีขาวนี้พร้อมกับใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราเพิ่งนึกขึ้นได้ และยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณกันอย่างเป็นทางการ 

ริบบิ้นสีแดงแทนกำลังใจ หรือการมอบความรู้สึกดี เหมือนกับที่เรากดหัวใจให้ในเฟซบุ๊ก ซึ่งสามารถให้ได้กับทุกเรื่อง 

และสุดท้ายคือสีเขียว แทนคำขอโทษสำหรับเรื่องในอดีตที่อาจจะเป็นบาดแผลลึก ๆ ในใจกัน  

ผมยอมรับว่าแว้บแรกของกิจกรรมนี้ ผมรู้สึกแปลก ๆ ปนกับความเขินอายพอสมควร เพราะทุกคนในห้องก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนรู้จักที่ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว อายุก็ไม่ใช่น้อยกันแล้ว แต่ละวันเราคุยกันแต่เรื่องที่เคร่งเครียดและจริงจังกันมาตลอด อยู่ดี ๆ ต้องมาผูกข้อมือให้กันแบบนี้มันเหมือนกิจกรรมบายศรีตอนรับน้องมหาลัยยังไงไม่รู้

จนกระทั่งริบบิ้นสีแดงเส้นแรกมาอยู่บนข้อมือผม และคนที่ผูกริบบิ้นเส้นนี้คือ CEO ที่เดินเข้ามาให้กำลังใจเพราะรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันเหนื่อยและยากขนาดไหน พร้อมกับกอดและขอบคุณที่ได้มีโอกาสทำงานเป็นทีมเดียวกัน

ริบบิ้นบนข้อมือเริ่มมากขึ้น สวนทางกับความเขินอายและประดักประเดิดในตอนแรกที่ลดน้อยลงจนหมดไปในที่สุด เราขอบคุณกันในเรื่องเล็กน้อยที่เคยทำให้กันจนเคยชิน เราให้กำลังใจในความเหนื่อยแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานในทีมเดียวกันแต่ก็รับรู้ได้ตลอด เราขอโทษในความผิดพลาด ความไม่ลงรอยกันในหลายๆงานที่ผ่านมา ความรู้สึกเล็กน้อยเหล่านี้กลายเป็นรอยยิ้ม และน้ำตาและความรู้สึกที่มีคุณค่าขึ้นมา

เรามาหัวหินกันสามวันด้วยหัวข้อที่ฟังดูยิ่งใหญ่คือการวางแผนกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อค้นพบว่า เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั้น จะไม่มีความหมาย และอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราไม่กลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวเราที่เราอาจจะมองข้ามมันมาตลอด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0