โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เรื่องจริงของคนที่เคยเสียใจ แต่ไม่เคยเสียความตั้งใจ

LINE TODAY

เผยแพร่ 21 ส.ค. 2562 เวลา 10.51 น.

ความคิดฝังหัวที่ติดตัวเรามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตก็คือ ต้องลืมตาอ้าปากให้ได้ ไม่ต้องรวยก็ได้ แต่ต้องไม่ลำบากเหมือนที่ผ่านมา ครอบครัวเราต้องสบายขึ้นให้ได้ในซักวันหนึ่ง

เพราะความคิดแบบนี้ทำให้เราโตกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมาตลอด มันดีตรงที่ทำให้เรามีจุดหมายเดียวในชีวิต แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการไม่มีเพื่อนในแบบที่คนอื่นเค้ามี ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเป้าหมายเราชัดเจนมาก ตั้งใจไว้ว่าถ้ากัดฟันเรียนจนจบได้จะทำงานในบริษัทซักระยะ เพื่อเรียนรู้วิธีการทำงาน เพราะเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างที่สามารถดูแลคนทั้งบ้านได้

พอเรียนจบได้งานและเจอรุ่นพี่ที่ทำงานคนหนึ่งที่มีอะไรคล้ายกันจนทำให้สนิทกัน เราสองคนทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยเหมือนกัน อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเหมือนกัน ต้องดูแลที่บ้านเหมือนกัน มีความรับผิดชอบเยอะเหมือน ๆ กัน สุดท้ายความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นว่าเรามีเป้าหมายเดียวกันแบบไม่รู้ตัว

เราสองคนช่วยกันเก็บเงินเพื่อสร้างอะไรที่เป็นของเราเอง ทำงานอยู่เกือบ 2 ปี เราก็ออกจากงานมาก่อน ตอนนั้นปรึกษากันว่าพี่เค้าตำแหน่งสูงกว่า เงินเดือนเยอะกว่า น่าจะทำงานไปก่อน อย่าเพิ่งมาเสี่ยงด้วยกันเลย เราก็เลยเอาเงินของเราทั้งคู่มาเปิดร้านอาหารไทยดั้งเดิม เพราะเป็นอะไรที่บ้านเราถนัดมาก พี่เค้าก็ช่วยจัดการทุกอย่าง ทั้งลงเงิน ลงแรง เพื่อสานฝันของเราทั้งคู่ให้เป็นจริง

ด้วยกรรมหรืออะไรก็ไม่รู้ แต่ความตั้งใจและเป้าหมายที่ชัดเจนของเราไม่ได้พาให้ร้านไปรอดได้ แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก แม้ทั้งเค้าและเราจะช่วยกันเต็มที่ อะไรที่ทำได้ ก็ทำหมดแล้ว สุดท้ายร้านซึ่งเป็นความฝันของเราทั้งคู่ก็ไปไม่รอด หมดเงินไปหลายแสน กอดกันร้องไห้เสียใจที่อะไร ๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้อยู่หลายวัน

ตอนนั้นเราไม่รู้จะทำยังไง เสียใจ ร้องไห้กับการเจ๊งเป็นครั้งแรกแบบเสียศูนย์ไปหมด เงินก็ไม่มี งานก็ไม่มี สุดท้ายเราปรึกษากันว่าจะเริ่มต้นใหม่ เอาความเสียใจครั้งนี้เป็นบทเรียน เพราะยังไงเราก็อยากทำให้มันสำเร็จให้ได้

เริ่มจากกลับไปหางานทำใหม่อีกครั้ง ตั้งใจว่าจะเก็บเงินมาลงทุนอีก ส่วนพี่เค้าก็ไม่ได้ต่อว่าหรืออะไรเลย จนเราเองยังแปลกใจและไม่ได้เอะใจอะไร ตอนนั้นคิดแต่ว่าคราวนี้มีบทเรียนราคาแพงแล้ว ยังไงก็ไม่มีวันเจ๊งอีกแน่นอน ครั้งที่แล้วที่มันพังเพราะเราอ่อนหัดและตัดสินใจเร็วเกินไป

คราวนี้เราตั้งใจมากกว่าเดิม ถึงจะว่างงานอยู่หลายเดือนแต่ก็ได้งานจนได้ ตอนนั้นเราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย นอกจากตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หาเงินอย่างเดียว ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เจอพี่เค้าซักเท่าไหร่ ทำให้อะไร ๆ ไม่เหมือนเดิม พอรู้ตัวอีกทีคือเราไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกันเป็นเดือน เค้าไม่โทรมา เราก็ไม่ได้โทรไป ไม่ได้เลิกกัน แค่ห่างกันไปเฉย ๆ

ถามว่าเสียใจไหม ใจหายไหม ถ้าบอกว่าไม่เลยคงไม่ได้ แค่คิดว่าผ่านอะไร ๆ มาด้วยกันก็เยอะ ทำไมหายไปเฉย ๆ เราเองก็มีส่วนผิดที่พาเราทั้งคู่มาถึงจุดนี้ แต่ไม่คิดว่าเราเงียบแล้วเค้าก็จะเงียบด้วย เพราะปกติเราก็เงียบ ๆ อยู่แล้ว

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พอเค้าหาย เราก็เลยไม่ได้ตาม จนผ่านไปหลายเดือน แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้หรือฟูมฟายอะไร แค่เสียใจ ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร เสียความรู้สึกกับความฝัน ความตั้งใจที่เคยมีมาด้วยกัน จากที่ไม่เคยต้องพึ่งใคร คิดว่าเราคนเดียวต้องทำได้แน่ ๆ พอเอาเข้าจริง การมีคนข้าง ๆ เวลาล้ม มันยังช่วยกันพยุงลุกขึ้นมาได้

วันนี้..วันที่คนมีฝันเดียวกันไม่เดินต่อด้วยกันแล้ว ทำให้เราเสียศูนย์ไปพอสมควร เริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ไหม จะไปรอดไหม ถ้าต้องล้มอีก ต้องเจ็บอีก เราจะยังแบกรับมันไหวไหม เราหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จนความท้อแท้มันคงแสดงอาการออกมา สุดท้ายคนที่เราพึ่งได้ที่สุดก็มีแค่คนเดียว พ่อไม่ได้พูดอะไรมากมายเลย แค่บอกว่าพ่อคอยดูความสำเร็จของเราอยู่นะ

จำได้ว่าหลังจากนั้นเราร้องไห้ ร้องยิ่งกว่าตอนทำร้านเจ๊ง ร้องยิ่งกว่าตอนพี่เค้าหายไปเฉย ๆ มันเหมือนการแกะปมอะไรสักอย่างที่อยู่ในหัว พอแกะออกปุ๊บก็ทำให้รู้เลยว่า ในชีวิตคนเราอาจเจอใครหรืออะไรมาทำให้เสียศูนย์หรือเสียใจไปบ้าง แต่เราต้องไม่เสียความตั้งใจของตัวเองเด็ดขาด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0