เรียนรู้ธรรมจากคุณกิ๊ก-มยุริญ

เหลือบไปเห็นข่าวของนักแสดงสาว “คุณกิ๊ก -มยุริญ ผ่องผุดพันธ์”  ที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจบวชชี บำเพ็ญบุญอยู่ที่วัดป่าในประเทศเมียนมานานถึง  7 เดือนเศษ และเพิ่งลาสึกไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงการตัดสินใจบวชศึกษาธรรมะอย่างจริงจังในครั้งนี้ว่า
“รู้สึกมีความสุขมากๆ ชีวิตเปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิง รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมาก การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ใช่เรื่องยากเลย การที่เราจะใช้ชีวิตตามที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ลงมือทำ ความดีไม่ได้ทำยาก แต่เราลืมที่จะทำเท่านั้น”

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก kik mayurin
เจ้าตัวยังออกมาเปิดใจด้วยว่า ยังมีโอกาสนำเอาธรรมะไปชี้ทางให้แก่คนใกล้ตัวอีกด้วยนั่นคือ “คุณธงธง ม๊กจ๊ก” ดาราอีกคนที่กำลังเผชิญปัญหา หลังพี่สาวเสีย ตอนนั้นเขาจะกระโดดกองไฟตายตาม แต่พอเขามีธรรมะก็รับได้กับคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ล่าสุดเคสที่ต้องบอกว่าคุณธงธงสุดยอดคือคุณแม่ป่วยหนักมาก
“วันนั้นพี่ธงโทรมาบอกว่าแม่อาการหนักหมอบอก 4 ทุ่มคืนนี้ไม่น่ารอด ก็เลยบอกพี่ธงว่าทำใจดีๆ นะ วันนี้กิ๊กสแตนด์บายถ้าเกิดมีอะไรก็โทรมาหากิ๊กแล้วกัน ทีนี้พี่ธงก็ไปจุดธูปต่อหน้าพระขอให้คุณแม่อาการดีขึ้น ถ้าแม่เขาดีขึ้นเขาจะขอบวช เชื่อไหมวันนั้น 4 ทุ่มแม่พี่ธงก็ไม่ไป ณ วันนี้แม่พี่ธงก็ยังมีชีวิตอยู่ พี่ธงนี่ต้องบอกเลยว่าผ่านวิกฤตได้ด้วยธรรมะ เพราะเขาบอกว่าตอนที่แม่แย่มากๆ ตอนพี่สาวเสีย เขากำหนดสติตลอดเวลา เขาได้เห็นว่าทุกครั้งที่เขากำหนดสติความเสียใจ ความโศกเศร้ามันทำร้ายเขาไม่ได้”
อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไปสัปดาห์ก่อนว่า พลังจิตนั้นเปรียบดั่งแก้วสารพัดนึก เมื่อเราผลิตทำมันขึ้นมาแล้วมันจะอยู่กับตัวเราไป แต่พลังจิตนี้ เมื่อแข็งแกร่งแล้วมันจะกลายเป็นตัวเตือน เช่นเดียวกับการศึกษาที่เราศึกษากันอยู่นี้จะประถม มัธยม ก็เพื่อให้เกิดตัวเตือน อ่านหนังสือเราอ่านได้ ภาษาอังกฤษอ่านได้ ภาษาฝรั่งเศสอ่านได้ ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาอะไรก็อ่านได้ เพราะว่า มันติดตัวเราตลอดไป
ในยามวิกฤตเรายังสามารถนำเอาพลังจิตที่ว่าออกมาใช้ได้อีก
ถามต่อไปว่าการทำสมาธิสะสมพลังจิตจำเป็นต้องโกนผมออกบวช และดำเนินตามอย่างที่คุณกิ๊ก-มยุริญทำหรือไม่ เรื่องนี้พระเดชพระคุณพระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร) ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ ได้กล่าวไว้ในหลายครา และบันทึกไว้ใน“คำสอนของหลวงพ่อ” ว่า การจะสะสมพลังจิตได้นั้น จิตต้องเป็นสมาธิ การที่จิตจะเป็นสมาธิได้นั้น จิตต้องเป็นหนึ่ง จิตจะเป็นหนึ่งได้นั้น จิตต้องบริกรรม
“นี่หลวงพ่อจะแนะนำให้ฟังว่า เวลาที่ไปทำสมาธิแล้ว มันเป็นอย่างนี้ ขึ้นต้นเรานึกพุทโธ พอนึกพุทโธไปไม่กี่คำ อารมณ์ มันก็มีอยู่นี่ มันจะหนีหมด เหลือจิตเป็นหนึ่ง พอเหลือจิตเป็นหนึ่งแล้ว จิตก็เป็นสมาธิ พอจิตเป็นสมาธิแล้ว จิตก็ผลิตพลังจิต จิตผลิตพลังจิตแล้ว พลังจิตก็ฝังสนิทอยู่ที่จิต ฝังสนิทแล้ว วันนี้ได้ห้า พรุ่งนี้ก็ได้สิบ มะรืนนี้ก็ได้สิบห้า ต่อไปก็เป็นยี่สิบ ต่อไปก็เป็นร้อยเป็นพัน มันก็ลงเข้าไปในจิต อยู่ก็อยู่ที่จิตนี่ ไม่ได้ไปไหน สะสมอยู่ที่จิต”
ส่วนที่ว่าการทำสมาธิ นั่งวิปัสสนากรรมฐานนั้น ทำไมจะต้องมีการเรียน การสอน และแต่ละสำนักนั้นแตกต่างกันอย่างไร พระอาจารย์หลวงพ่อท่านเคยกล่าวไว้จะศึกษาปฏิบัติธรรมกับสำนักไหน ก็ย่อมเป็นเรื่องของแต่ละคนที่ต่างมีจุดหมายเดียวกันทั้งนั้น แต่ที่สถาบันพลังจิตตานุภาพที่มีหลักสูตรสอนสมาธิโดยตรง และมีครูพี่เลี้ยงคอยทำหน้าที่ชี้แนะแนวทางในการทำสมาธินั้นก็เพื่อให้ไปสู่จุดหมาย ไม่สะเปะสะปะนั่นเอง
“ทำไมถึงต้องทำสมาธิ ไปที่ไหนเวลานี้ หลวงพ่อสอนสมาธิทั้งนั้น ตั้งศูนย์สมาธิต่างๆ ตำบลต่างๆ ทุกจังหวัด มีศูนย์สมาธิของหลวงพ่อหมดแล้ว ที่สอนสมาธินี่ต้องการสะสมพลังจิต”