โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมื่อ ปชช. กลัว “อำนาจ” มันก็จะ “สิงสู่” ปชช. ครอบงำ-ควบคุม ให้ทำในแบบที่มันต้องการให้เป็น!

Another View

เผยแพร่ 19 ธ.ค. 2561 เวลา 01.00 น.

เมื่อปชช. กลัวอำนาจมันก็จะสิงสู่ปชช. ครอบงำ-ควบคุมให้ทำในแบบที่มันต้องการให้เป็น!

อีกหนึ่งหนังไทยที่น่าไปดูในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นหนังผีสุดระทึกอย่าง “สิงสู่” โดย "วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง”  ที่เมื่อมานั่งวิเคราะห์กันแล้ว หนังผีเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แม้การเล่าเรื่องหรือองค์ประกอบศิลป์บางอย่างจะดูธรรมดา ไปบ้าง แต่ประเด็นทางการเมืองที่แทรกไว้นั้น “ร่วมสมัย” เลยทีเดียว

เหตุการณ์ของ “สิงสู่” เกิดขึ้นภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่ตั้งเป็น “สำนักจิตต์อสงไขย” จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 (บังเอิญกับที่ประเทศเรามีรัฐประหารอย่างเหมาะเจาะ) ดำเนินงานโดย “นายแม่” ผู้เป็นใหญ่ และมีตัวละครต่าง ๆ เป็นศิษยานุศิษย์ และกลุ่มลูกศิษย์เหล่านี้เองคือตัวแทนของกลุ่มคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนที่มุ่งแต่ปกป้องประโยชน์ตัวเอง คนที่หวาดหลัวต่อการสูญเสีย คนที่ยึดมั่นต่ออุดมการณ์อย่างไม่สั่นคลอน คนที่ไม่สนไม่แคร์อะไรและคอยแต่มองหาการปกป้องจากคนอื่น ซึ่งนายแม่นี่เอง คือตัวแทนของเป็นใหญ่ในสังคมที่หวังจะควบคุมทุกอย่างตามที่ตนประสงค์โดยไม่เลือกวิธีการ

เรื่องราวมามีปัญหาตรงที่ “นายแม่” ได้ประกอบพิธีกรรมเชิญดวงวิญญาณขึ้น หวังคืนชีพลูกชายที่ตายไป แต่บังเอิญว่าวิญญาณนั้นกลับกลายเป็นวิญญาณร้ายและได้หลุดเข้ามายังสำนักแห่งนี้และเริ่มผลัดกัน “เข้าสิง” ตัวละครแต่ละตัว จากคนนั้นไปยังคนนี้ 

แล้วพิธีของนายแม่นั้นต่างอะไรกับการเชื้อเชิญขั้วอำนาจทางการเมืองเข้ามาเพื่อหวังเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปในทิศทางที่ต้องการ ในตอนปี พ.ศ. 2549 กัน? ผลกลับกลายเป็นสถานการณ์เรื้อรังและกัดกินคนไทยมาจนถึงวันนี้ ผลัดเปลี่ยนกันสิงจากกลุ่มหนึ่งไปยังกลุ่มหนึ่งตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา

“ฝังราก ยึดวิญญาณ” วลีที่แปะอยู่หน้าหนัง สื่อถึงเจตนารมณ์ของ วิญญาณร้ายในเรื่องที่เข้าจู่โจมคนที่อ่อนแออย่างชัดเจน ใครที่เริ่มหวาดกลัวก็จะถูกครอบงำได้โดยง่าย เหมือนในตอนนี้ที่ถ้าใครเกรงกลัวต่ออำนาจบาทใหญ่ และยอมจำนนให้กับความชั่วร้าย ก็จะต้องยอมจำนนให้กับอำนาจเหล่านั้น และถูกกลืนกินเข้าไป

คล้ายกับที่เราไม่ชอบการคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายเราก็ทำเสียเอง คล้ายกับที่เราเกลียดการโกงกิน แต่ทำแค่นิ่งเฉย ปล่อยให้มันกัดกินจิตใจของเราไปเรื่อย ๆ หรือยอมให้ลมปากและมายาคติที่นักการเมืองคอยกล่อมประสาทของเราครอบงำเราจนเสียความถูกต้องที่เรายึดถือไว้ ไม่ต่างอะไรกับผีร้ายที่คอยกัดกินเราจากภายนอกสู่ภายในและยึดตัวตนของเราไปในที่สุด

“สิงสู่” คือหนังที่คนดูหันไปทางไหนก็ไม่สามารถพึ่งพาอะไรจากตัวละครไหนได้เลย นายแม่ที่ต้องสู้กับผีแต่ก็มีความชั่วร้ายอยู่กับตัว หรือบรรดาศิษย์ที่ก็เต็มไปด้วยความโป้ปดมดเท็จ แม้แต่ฝ่ายผี ที่อยากจะเชียร์ให้สิงร่างให้สำเร็จๆ ไปเสีย แต่ก็ดูชั่วร้ายเสียเหลือเกิน นี่คือสังคมการเมืองไทย ที่จะสนับสนุนใครก็ทำได้ไม่เต็มปาก เพราะเรารู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครทำเพื่อประโยชน์คนอื่นอย่างแท้จริง ต่างก็ทำเพื่อตัวเองกันก่อนทั้งนั้น

“สิงสู่” จึงไม่ใช่แค่หนังผีที่ดูเอาสนุกอย่างเดียว แต่ยังแฝงไว้ด้วยประเด็นทางการเมือง จนเราสงสัยว่า

แล้วตกลงผีหรือคนอะไรที่น่ากลัวกว่ากัน…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0