เมื่อสงครามการค้า”สหรัฐฯ-จีน”ยุติหลังย่ำแย่ทั้งคู่

สงครามการค้ามีแนวโน้มยุติลงในสัปดาห์นี้ หลังจากยืดเยิ้อยาวนานเกือบ 7 เดือน ส่งผลกระทบหนักทั้งคู่ ขณะสหรัฐอ่อนข้อต่อนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากจีนและหัวเว่ย โดยทรัมป์เตรียมพบรองนายกฯจีน เจรจาการค้า ข้อพิพาทส่งสัญญาณบวกต่อตลาด

สหรัฐและจีนเตรียมร่างบันทึกความเข้าใจในประเด็นความขัดแย้งทางด้านการค้า ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุติสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในขั้นรุนแรงมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน หวังผลักดันให้การเจรจาการค้าบรรลุผลใน 2 วันช่วงสุดสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ ออกตัวยอมรับการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารในระบบ 5G และ 6G ของหัวเว่ย โดยแนะธุรกิจสหรัฐยกระดับการต่อสู้กับ 5G ของจีน แทนการปิดกั้น ซึ่งท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการกลับลำของผู้นำสหรัฐ หลังจากที่ล่าสุด ทั้งอังกฤษและเยอรมนีออกมาส่งสัญญาณตอบรับการติดตั้งระบบสื่อสาร 5G ของหัวเว่ย

เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรต่อต้านการใช้อุปกรณ์สื่อสารในระบบ 5G ของหัวเว่ย โดยระบุว่า หัวเว่ยได้ทำการค้ากับอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ละเมิดมาตการคว่ำบาตรของสหรัฐ

นอกจากนี้ ยังอ้างเหตุผลว่าระบบการสื่อสาร 5G  ของหัวเว่ยอาจทำการจารกรรมข้อมูลให้กับรัฐบาลจีน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความที่แนะนำบริษัทสหรัฐควรยกระดับด้านเทคโนโลยีแบบ 5G หรือระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงในยุคที่ 5 เพื่อชี้ว่าในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีการปิดกั้นกิจการต่างชาติให้เข้าถึงตลาดเทคโนโลยีหลักของสหรัฐ 

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังย้ำว่า บริษัทสหรัฐควรจะเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขัน ไม่ใช่ได้มาจากการปิดกั้นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ากว่าในยุคปัจจุบัน โดยยกระดับความพยายามในเรื่องที่ทำต้องเด่นชัดมากขึ้นในอนาคต เพราะไม่มีเหตุผลที่สหรัฐต้องอยู่ล้าหลัง 

ขณะที่การเจรจาระดับรัฐมนตรี 2 วันที่กำลังมีขึ้นในวันพฤหัสฯ และวันศุกร์ ที่กรุงวอชิงตันนั้น มีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนจะพบปะกับหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เพื่อผลักดันให้เกิดการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน 

ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่จะปูทางไปสู่การประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนอีกครั้งโดยเร็ว เนื่องจากเส้นตายที่ได้กำหนดในวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งสหรัฐประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน จากอัตรา 10% สู่ระดับ 25% เป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ มีความเป็นไปได้ที่จะมีความยีดหยุ่นมากขึ้น

นอกจากนี้ การเจรจาในระดับสูงของจีนและสหรัฐขณะนี้ มีรายงานว่า จีนอาจจะเสนอซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ทั้งถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าวสาลี เพิ่มอีก 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี 

คณะผู้แทนทั้งสหรัฐและจีนกำลังร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) รวม 6 ฉบับ ที่รวมถึงการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีและการโจรกรรมทางไซเบอร์ สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา การบริการ การเกษตร และปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร 

รวมทั้งในเรื่องทิศทางค่าเงินหยวนที่จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการสนับสนุนการส่งออกของจีน ตามคำเรียกร้องของผู้นำสหรัฐที่เคยกล่าวหาจีนมีการลดค่าเงินหยวนเพื่อความได้เปรียบในดุลการค้ากับสหรัฐมาตลอดเวลา 

ในรายงานข่าวล่าสุด สหรัฐยังมีแรงกดดันให้มีการตรวจสอบความคืบหน้าในสัญญาปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเปิดตลาดการค้าและการลงทุนตามที่ทางการจีนได้ประกาศออกมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

ผู้สังเกตการณ์ได้จับตามองถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจมีโอกาสล้มเหลว ดังนั้น ความพยายามร่างเอ็มโอยูถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้จีนยอมตกลงทั้งหลักการกว้างๆ และยอมรับในพันธกิจที่เฉพาะเจาะจงเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับการโจรกรรมทางด้านเทคโนโลยี

ทั้งนี้ จากรายงาน Global Threat Report 2019 ของ Crowdstrike ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดตามด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ใน 176 ประเทศ ชี้ว่า จีนมีการเพิกเฉิยต่อข้อตกลงการยุติการโจรกรรมทางไซเบอร์ ที่ได้ทำเอาไว้กับอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดฉากสงครามการค้ากับจีนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

การโจรกรรมทางไซเบอร์ที่เคยลดน้อยลงนั้น แต่ในช่วงสิ้นปี 2017 จีนเริ่มกลับมาโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ หรือ eCrime และดำเนินการที่เต็มรูปแบบในปี 2018 โดยครอบคลุมถึงข้อมูลระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในสหรัฐและเอเชีย