จากกรณีที่นายสุชาติ เพชรสวี ถูกยิงตายในพื้นที่หมู่ 8 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ภายในสวนทุเรียนหมอนทองขนาดใหญ่ ห่างริมถนนสายวัดถ้ำฤษี -โรงโม่หิน ลึกเข้าไปภายในสวนประมาณ 30 เมตร ในสภาพนอนเสียชีวิตข้างรถจักรยานยนต์ โดยถูกยิงจำนวน 4 นัดเข้าที่ใต้ตาซ้าย หัวไหล่ด้านขวา แขนขวา และราวนมซ้าย เสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่พบศพไม่น้อยกว่า 4-5 ชม. ตรวจสอบภายในตัวไม่พบทรัพย์สินมีค่า แต่ปืนขนาด 9 มม. ของผู้เสียชีวิตหายไป
ความคืบหน้าวันที่ 18 ก.ค. 62 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาสัก ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 รายที่ร่วมกันฆ่านายสุชาติ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 3 รายแล้ว คือ นายเกษม ชุมทอง อายุ 59 ปี ผู้ติดต่อมือปืน, นายสุรชัย บุญเชิด อายุ 39 ปี เป็นคนขับรถและเป็นชู้กับนางพิมพ์ชนก เพชรสวี ภรรยาผู้เสียชีวิต ส่วนอีก 1 รายกำลังเร่งติดตามจับกุมตัว หลังหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช
เจ้าหน้าที่มีการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย โดยนางพิมพ์ชนก เพชรสวี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่จ้างวานฆ่าสามีเนื่องจากถูกกดขี่ข่มเหงทางจิตใจมาเป็นเวลานาน รู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก และปัญหาเรื่องบนเตียง สามีพยายามจะเข้ามาข่มขืนทั้งที่แยกกันอยู่แล้ว จนทำให้ตัดสินใจสั่งฆ่าสามี
นอกจากนี้ นางพิมพ์ชนกยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมามีปัญหากันมานาน ทะเลาะเบาะแว้งในเรื่องความไม่ไว้วางใจต่อกัน ตลอดจนไม่พอใจที่สามีไม่ให้ตนจัดการเงินจากสวนทุกเรียน แต่กลับยกไปให้ลูกสาวคนโตจัดการแทน นอกจากนี้ ยังถูกสามีข่มขู่ว่าจะฆ่าเผานั่งยาง แล้วเอาแห่ประจานรอบหมู่บ้าน ตนจึงรู้สึกหวาดกลัวและเกรงว่าสามีจะฆ่า เนื่องจากสามีเกิดระแคะระคายใจเรื่องความสัมพันธ์กับนายสุรชัย ทำให้ตนตัดสินใจสั่งจ้างวานฆ่าสามีในที่สุด
ด้านนางสาวพลอยไพลิน เพชรสวี อายุ 29 ปี ลูกสาวคนเสียชีวิต เปิดเผยว่า ภายหลังจากทราบความจริงที่ผู้เป็นแม่ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนจ้างวานฆ่าพ่อนั้น ตนก็รู้สึกช็อกและเสียใจมาก ยอมรับว่าตอนแรกค่อนข้างโกรธแม่ที่ทำกับพ่อได้ลงคอ แต่เมื่อได้พูดคุยกับแม่ แม่บอกกับตนว่าสิ่งที่แม่ทำ แม่มีเหตุผลของแม่ แล้วก็กล่าวขอโทษตนและน้องสาว อีกทั้งบอกกับตนว่าไม่ต้องประกันตัว หรือต่อสู้คดีใด ๆ ให้ถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ให้ได้รับกรรมที่ทำ
ที่ผ่านมาตนไม่เคยรับรู้ปัญหาชีวิตคู่ของพ่อกับแม่ ยอมรับว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ้างเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องสวนทุเรียนและธุรกิจครอบครัว แต่ไม่เคยตบตีหรือทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งพ่อเป็นคนปากร้ายใจดี ส่วนผู้เป็นแม่มักเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อน ที่ผ่านมาแม้ว่าตนจะสนิทสนมกับแม่มาก แต่แม่ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง มีแต่เคยบ่นว่าอยากหนีไปอยู่ไกล ๆ และทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แม่ก็มักจะหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง เพราะไม่อยากอยู่กับพ่อ แต่ไม่เคยคิดหรือพูดว่าอยากจะฆ่าพ่อ
โดยที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวของแม่กับนายสุรชัยว่าเป็นอย่างไร แต่ยอมรับว่าเคยเจอนายสุรชัยมาหาแม่ที่ร้านขายเสื้อผ้าของตนเป็นประจำ แต่แม่ก็จะบอกว่าเป็นเพื่อน จึงไม่ได้คิดอะไร ยอมรับว่ารู้สึกโกรธนายสุรชัยที่เข้ามาในชีวิตครอบครัวตน จนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ภายหลังจากพ่อเสียชีวิต ส่วนแม่ต้องถูกดำเนินคดี ตนรู้สึกสูญเสียไม่เหลือใคร ทั้งนี้ตนก็ตั้งใจจะจัดงานศพพ่อให้แล้วเสร็จ และอยากบอกพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะดูแลน้องสาวกับหลานให้ดีที่สุด ยอมรับตอนแรกรู้สึกโกรธแม่ แต่เมื่อได้คุยก็เข้าใจแม่และยังรักแม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่ก็คือแม่เหมือนเดิม ตนจะไม่ทอดทิ้งไปไหน
ในขณะเดียวกันวันนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.นาสัก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดชุมพรคุมตัวนายสุรชัยไปที่บ้านใน ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านของนายสุรชัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าไปเก็บวัตถุพยานหลักฐาน เป็นหัวกระสุนปืน 3 นัดที่นายสุรชัยเคยมาซ้อมยิงปืนที่สวนยางพาราของตนเอง ซึ่งอยู่ติดกับบ้านพัก
โดยเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา นายสุรชัยคิดวางแผนร่วมกับนางพิมพ์ชนกเพื่อฆ่านายสุชาติ จึงนำอาวุธปืนไม่มีทะเบียนขนาด .357 มม. ที่หามาได้ มาทดสอบยิงต้นยางพาราจำนวน 3 นัด เข้าต้นยาง 1 นัด และลงไปบึงน้ำที่อยู่ใกล้เคียงอีก 2 นัด ก่อนเตรียมไว้ใช้ก่อเหตุในคืนวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยหลังจากนั้น นายสุรชัยได้ติดต่อนายเกษมให้เป็นมือปืนให้ แต่นายเกษมปฏิเสธไม่รับงาน จึงได้แนะนำจัดหามือปืนที่ชื่อว่า นายสมปอง เป็นคนพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มาสังหารนายสุชาติ โดยตกลงกันเป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท จ่ายล่วงหน้าไปแล้วจำนวน 70,000 บาท ส่วนช่วงก่อนก่อเหตุที่มาดูลาดเลา มีค่าใช้จ่ายแก่มือปืนอีก ครั้งละ 3,000-5,000 บาท
จนกระทั่งเมื่อถึงคืนวันที่เกิดเหตุ 16 ก.ค. นายสุรชัยพามือปืนไปซุ่มรอที่สวนทุเรียน ก่อนหักกิ่งผลทุเรียนลงมาขวางทางเข้าสวน เพื่อให้รถจักรยานยนต์ของคนเสียชีวิตชะลอ เมื่อนายสุชาติขี่รถจักรยานยนต์ออกมาดูสวนทุเรียนช่วงกลางดึกจนถึงจุดเกิดเหตุ นายสมปองจึงลั่นไกสังหารนายสุชาติจำนวน 4 นัดจนเสียชีวิตคาสวนทุเรียน แล้วนำอาวุธปืนขนาด 9 มม. ของผู้เสียชีวิตที่พกมาป้องกันตัวกลับมาด้วย จากนั้นก็พากันขี่รถจักรยานยนต์กลับไปบ้านของนายสุรชัย โดยนายสุรชัยนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งลงในบึงใกล้สวนยางพาราติดบ้าน ส่วนอาวุธปืนผู้เสียชีวิตนั้นนำไปฝังดินบริเวณใกล้บ้าน จากนั้นทั้งหมดพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าทิ้งไว้บ้าน แล้วสลับเอารถยนต์ไปส่งมือปืนกลับ จ.นครศรีธรรมราช
นางศิริประภัสร์ บุญเชิด อายุ 45 ปี พี่สาวนายสุรชัย ยอมรับว่าตนและครอบครัวเคยรับรู้ว่านายสุรชัยได้พูดคุยกับนางพิมพ์ชนก แต่ไม่คิดว่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นได้เสียกัน เพราะนายสุรชัยก็มีภรรยาอยู่แล้ว แต่ภรรยาทำงานอยู่ต่างประเทศและมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ตนจึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ เคยตักเตือนน้องชายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับนางพิมพ์ชนก แต่น้องชายไม่ฟัง เพราะรักและหลงนางพิมพ์ชนกมาก หลงจนบางครั้งไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งน้องชายเคยบอกกับตนว่าเหตุที่ไม่ห่างออกมา เพราะเห็นใจนางพิมพ์ชนก เหมือนถูกสามีข่มขืนทุกวัน แม้นอนแยกห้องกัน แต่ก็จะเข้ามาขืนใจในเรื่องบนเตียง ซึ่งตนเชื่อว่าน้องชายไม่คิดฆ่าคน แต่ถูกนางพิมพ์ชนกชักจูงและใช้เป็นเครื่องมือในการฆ่าสามีของตนเอง
นอกจากนี้ ตนยังเคยรับรู้มาว่านางพิมพ์ชนกมีชายหนุ่มเข้ามาติดพันมากมาย ไม่ใช่เพียงน้องชายของตน แต่น้องชายด้วยความรักผู้หญิงคนนี้จึงยอมทำตาม โดยหลังจากนี้ครอบครัวเตรียมต่อสู้ดำเนินคดีช่วยน้องชายต่อไป ส่วนลูกสาววัย 13 ปี และ 14 ปี ตนจะรับผิดชอบมาดูแล ซึ่งตนรู้สึกสงสารหลานที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กส่วนตัวของนางพิมพ์ชนก พบว่าเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 62 เจ้าตัวโพสต์ภาพตัวเองพร้อมกับข้อความระบุว่า “ในเมื่อดีไม่ได้ ก็ร้ายซะให้หลาบ”
