เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ตำรวจจับกุมนายริชาร์ด สตานิชเลาส์ ครูเจอร์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ตามหมายจับคดีฉ้อโกง บัตรเครดิตของประเทศเยอรมัน และหมายจับซ่อนเร้นอำพรางศพ นางมาร์กูด เชฟเฟอร์ อายุ 77 ปี เพื่อนร่วมชาติ ยัดตู้ไม้ทิ้งคลองบางโปรง หลังสนามกีฬาเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากตำรวจได้รับการประสานจากตำรวจเยอรมัน ให้ช่วยติดตามนางมาร์กูด ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการเยอรมันได้รับแจ้งว่าสูญหายทางญาติไม่สามารถติดต่อได้เกรงว่ามารดาอาจถูกทำร้ายหรือจะได้รับอันตราย เมื่อตรวจสอบพบว่า เดินทางเข้าไทยมาพร้อมกับนายริชาร์ด ตั้งแต่เดือน พ.ค. 60 และมีหมายจับเยอรมันนี คดีฉ้อโกง กระทำผิดลักษณะหลอกลวงผู้หญิงสูงอายุหลายครั้ง และมีหมายจับประเทศเยอรมันในข้อหาฉ้อโกงบัตรเครดิต 17 ข้อหา จึงสืบทราบว่าได้อาศัยอยู่กับภรรยาหญิงไทยที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง จ.ชลบุรี จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำที่สภ.แสนสุข
นายริชาร์ด ให้การว่า ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นางมาร์กูด ได้ล้มลงในห้องน้ำจึงได้ช่วยกันพามานอนพัก จนทราบภายหลังว่าเสียชีวิตแน่นอนแล้ว นายริชาร์ด จึงได้นำผ้าห่มมาห่อศพแล้วยัดใส่ตู้ลังไม้ใส่ของ จากนั้นได้นำใส่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างหรือซาเล้ง ขี่ไปทิ้งที่คลองบางโปรง หลังสนามกีฬาเทศบาลเมืองแสนสุข ซึ่งคำให้การดังกล่าวขัดกับคำให้การของภรรยาชาวไทยของนายริชาร์ด ที่ระบุว่าผู้ตายเป็นแม่ของตนเอง แล้วก่อนเกิดเหตุได้เถียงกันระหว่างอาบน้ำ ซึ่งผู้ตายจะขออาบเอง ก่อนมาทราบว่าเสียชีวิตภายหลัง จนวันที่ 12 ม.ค. มีข่าวพบศพหญิงนิรนามที่ถูกยัดใส่ตู้ลังไม้ลอยน้ำ จากการสืบสวนพิสูจน์ทราบเชื่อว่าศพดังกล่าวคือนางมาร์กูด จึงได้ประสานตำรวจประเทศเยอรมัน ร่วมพิสูจน์ ซึ่งอยู่ในระหว่างตรวจสอบผลดีเอ็นเอ ทาง สภ.แสนสุข จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลจังหวัดชลบุรีออกหมายจับนายริชาร์ด ในข้อหา ซ่อนเร้นอำพราง ย้าย หรือทำลายศพฯ และ อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สอบถามกับ น.ส.ฟาง (นามสมมติ) แฟนของนายริชาร์ด บอกว่า สาเหตุของการนำศพยัดตู้เกิดจากนายริชาร์ด มีปัญหาเรื่องการเงิน และไม่มีเงินที่จะนำศพกลับประเทศ เลยตัดสินใจนำศพยัดใส่ไว้ในตู้และเอาไปทิ้งลงทะเล ขณะที่ขนย้ายศพก็ทราบเรื่อง สามีทำคนเดียวและบอกว่าจะนำศพไปส่งให้เพื่อนที่หน้าปากซอย ตอนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะเป็นแม่ของสามี จึงไม่อยากก้าวก่าย
ไม่คิดว่าสามีจะนำศพแม่ไปทำแบบนั้น เพราะจากที่อยู่ด้วยกันสามีก็ดูรักแม่มาก เวลาเจ็บไข้ส่วนมากสามีก็จะดูแลคอยอาบน้ำ ป้อนข้าว พาเข้านอน ก่อนสามีจะโดนจับได้ถามตนว่า“สามารถรอได้ไหม จะนานแค่ไหนรอได้ไหม” ซึ่งสามีอยากให้รอที่จะมาใช้ชีวิตด้วยกัน หลังจากพ้นโทษออกมา
https://youtu.be/6adIP2OcT8E