โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมียลูกชายนายกเทศมนตรีเกาะสีชัง โพสต์ขอโทษคนใกล้ชิด แจงไทม์ไลน์ก่อนถูกบูลลี่หาปกปิดสามีติดเชื้อโควิด

สยามรัฐ

อัพเดต 28 มี.ค. 2563 เวลา 03.07 น. • เผยแพร่ 28 มี.ค. 2563 เวลา 03.07 น. • สยามรัฐออนไลน์
เมียลูกชายนายกเทศมนตรีเกาะสีชัง โพสต์ขอโทษคนใกล้ชิด แจงไทม์ไลน์ก่อนถูกบูลลี่หาปกปิดสามีติดเชื้อโควิด

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Jelisa Charoenkitchanchai โพสต์ข้อความเรื่อง ประสบการณ์ตรง เจริสา ( หลี่กุง ) ในวันที่สามีฉันติดเชื้อไวรัสCOVID-19 ระบุว่า…

📢📢ประสบการณ์ตรงเจริสา (หลี่กุง)📢📢

ในวันที่สามีฉันติดเชื้อไวรัส C O V I D 19…!!!

สวัสดีค่ะ…

เราคือภรรยาของสามีที่ติดเชื้อโควิด 19 ค่ะ
สามีของเราเป็นลูกชายนายกเทศมนตรีเกาะสีชังค่ะ

หมายเหตุ : ที่ต้องบอกว่าเป็นลูกใครมันมีเหตุผลค่ะเดี๋ยวจะบอกในตอนท้ายๆ นะคะ

เราอยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้บอกเล่าถึงอาการของสามีก่อนทราบว่าติดเชื้อไวรัสนะคะ

อ.10/3/63 -​ สามีเริ่มมีไข้หนาวสั่นเมื่อประมาณ 18.00 น. ค่ะ เลยทานยาพาราไปค่ะ เมื่อยาออกฤทธิ์ ไข้ก็ลดและเหงื่อก็ออกเยอะมากค่ะ แต่ยังสามารถทานข้าวได้ปกติดีค่ะ สามีทนกับอาการไข้แบบนี้อยู่ 2 วัน จนวัน

พฤ.12/3/63 -​ ตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาล… (โรงพยาบาลที่ 1) ไปถึงคุณหมอแจ้งว่าอาการยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเพิ่งมีไข้ได้ 2 วัน ถ้าตรวจเชื้อไวรัสก็อาจจะยังไม่แสดงผล เชื้อไวรัสที่คุณหมอพูดหมายถึงเชื้อไวรัสตัวอื่น ยกเว้น โควิด 19 คุณหมอบอกเราไม่ได้ไปในประเทศที่เสี่ยงจึงไม่น่าจะใช่ไวรัสโควิด 19 ให้สามีเราและเราคลายกังวล จึงนัดให้ไปตรวจอีกที ถ้ายังมีไข้ในวันที่คุณหมอนัดคือ อา.15/3/63 ดังนั้นเรากับสามีก็กลับบ้านมารักษาตัวด้วยยาพาราที่คุณหมอให้มา ช่วงเวลาตั้งแต่ พฤ.12/3/63 -​ อา.15/3/63 อาการของสามีเริ่มแย่ลงคือ เริ่มทานได้น้อย ไม่มีแรง ปวดข้อเท้า หายใจแล้วรู้สึกเหนื่อยง่าย และไข้ยังไม่ลดเหมือนเดิม

ศ.13/3/63 -​ เรากับสามีก็ทำงานกันปกติค่ะ แต่สามีร่างกายก็ไม่ได้เต็มร้อยค่ะ เราและสามีลงไปเกาะสีชัง ไปรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นความจำเป็นที่ต้องลงไปค่ะ เนื่องจากชื่อเราและสามีเป็นประชากรของเกาะสีชังค่ะ ซึ่งตอนขึ้นเรือที่เกาะสีชัง ก็ได้มีการคัดกรองในเรื่องของการวัดอุณหภูมิสามีก็ปรากฏว่าผลแสดงว่าไม่มีไข้ 36.3 และให้เจลมาล้างมือ กลับมาถึงบ้านสามีก็นอนซมค่ะ ด้วยอาการที่ยังไม่หายดี

อา.15/3/63 -​ สามีเข้าไปพบคุณหมอตามที่นัดไว้ และขอคุณหมอแอดมิททันที เพราะทราบอาการตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว เมื่อเข้าไปโรงพยาบาลก็ทำการเอ็กซเรย์ปอด เจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจ โดยคุณหมอก็ยืนยันว่ายังไม่ต้องตรวจเชื้อไวรัสโควิด 19 เนื่องจากอาการไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สามีนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนี้อยู่ 4 วัน โดยยาหลักที่ได้รับคือพาราและยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อไวรัสหรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เราก็ไม่แน่ใจ เพราะคุณหมอบอกอยู่ตลอดว่าปอดปกติดี เลือดที่นำไปตรวจไวรัสไข้เลือดออก / ไวรัสชิกุนปุนย่า / และไวรัสอื่นๆ อีก 20 สายพันธุ์ ก็ไม่พบเชื้อ คุณหมอตรวจทุกอย่างยกเว้น โควิด 19 เราพยายามบอกสามี และพยายามบอกด้วยตัวเองทุกครั้งที่เจอคุณหมอว่าไม่ต้องตรวจโควิด 19 จริงๆหรอคะ คุณหมอบอกเหมือนเดิมว่าสามีเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงตามนโยบายรัฐบาลไม่จำเป็นต้องตรวจ การที่คุณหมอพูดแบบนี้ทำให้สามีเราเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ติดเชื้อโควิด 19

**ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลเราและลูกคือสลับกันเฝ้าสามีในช่วงกลางวัน และในเวลากลางคืนเราและลูกก็นอนเฝ้ากันอยู่ที่โรงพยาบาลทุกคืน**

อาการระหว่างอยู่โรงพยาบาล : ความถี่ของไข้ค่อยๆลดลง / เหนื่อยง่าย / กินได้น้อย / ไม่มีแรง / ปวดตามข้อ / ผื่นที่คอเนื่องจากเหงื่อออกเยอะและคัน มีเท่านี้

พ.18/3/63 -​ คุณหมอให้กลับบ้านเนื่องจากไข้ไม่มีแล้วอาการปวดข้อไม่มีแล้ว แต่อาการอย่างอื่นที่ได้กล่าวข้างต้นยังอยู่ครบ คุณหมอแจ้งว่าน่าจะเป็นไวรัสทั่วไปไม่ได้รุนแรงมาก ถ้าต้องหาว่าเป็นชนิดไหนคงต้องโดนเจาะเลือดไปเพาะเชื้อเกือบทุกวันและคงยังไม่ได้กลับบ้าน และก่อนออกเราก็ได้ถามคุณหมอว่าไม่ใช่ไวรัสโควิด 19 ใช่ไหม?? คุณหมอก็ยืนยันว่าไม่ใช่ จึงให้กลับมาทานยาต่อที่บ้าน

พฤ.19/3/63 -​ วันนี้เป็นวันแรกที่สามีเริ่มมีอาการไอค่ะ ไอแห้งๆ ไม่ได้รุนแรง ไม่มีอาการเจ็บคอนะคะ มีแค่ไอ

ศ.20/3/63 -​ วันนี้ตอนเช้าสามีเริ่มมีอาการไอและมีเสมหะปนเลือดค่ะ เราก็เลยบอกสามีว่าเราไปหาหมอกันไหม คราวนี้เข้า กทม. เลย และจะขอตรวจไวรัสโควิด 19 ให้ได้ เราจึงตัดสินใจพาสามีไปที่โรงพยาบาล… (โรงพยาบาลที่ 2) ค่ะ
เมื่อได้พบคุณหมอเล่าอาการและเหตุการณ์ทุกอย่างให้คุณหมอฟัง คุณหมอบอกว่าขอเอ็กซเรย์ปอดก่อน เมื่อผลเอ็กซเรย์ออกมาคุณหมอพูดคำแรกว่า "ปอดไม่ดีเลย" มีฝ้าเยอะมาก อาการแบบนี้เรียกว่า ปอดติดเชื้อ/ปอดอักเสบค่ะ (เราคิดในใจทำไม…แจ้งว่าปอดปกติดี)​
คราวนี้คุณหมอแจ้งว่าขอให้ตรวจไวรัสโควิด 19 และขอให้แอดมิททันที และผลการตรวจจะออกอีก 3 วัน ระหว่างแอดมิท คุณหมอให้ยาฆ่าเชื้อทันที อาการเริ่มดีขึ้น สีหน้าดูดีขึ้น แต่ยังทานได้น้อย ไอปนเลือดอยู่ สามีเรานอนอยู่ที่นี่ 5 วัน

**เราพาลูกไปเยี่ยมสามี 1 วัน และเราไปเยี่ยมโดยไม่มีลูกไป 1 วัน และนอนเฝ้าสามี 1 คืนเป็นคืนก่อนที่คุณหมอแจ้งว่าจะให้กลับในวันถัดไป หากตรวจปอดแล้วดีขึ้น**

ระหว่างอยู่โรงพยาบาล คุณหมอให้เอ็กซเรย์ปอดทุก 2 วัน 2 วันแรกผลยังมีฝ้าขาวในแผ่นฟิล์ม จึงต้องนอนต่ออีก 2 คืน จนเช้าวัน

อ.24/3/63 -​ เอ็กซเรย์ปอดอีกครั้ง ปอดก็ยังมีฝ้าขาว แต่คุณหมอก็บอกให้กลับบ้านเอายามาทานต่อ และนัดตรวจอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล 5 วัน ผลโควิด 19 ก็ยังไม่ออกสักที และมันเลยกำหนดวันที่โรงพยาบาลแจ้งมา 1 วัน คุณหมอบอกให้กลับมาก่อนแล้วถ้าผลออกจะรีบแจ้ง (เราก็คิดผลมันออกช้าไปไหม)​ และค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าตรวจไวรัสโควิด 19 ของโรงพยาบาลนี้ เราต้องจ่ายเอง เพราะก่อนออกคุณหมอไม่ได้เขียนเบิกประกันว่าสามีเราติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ประกันจึงไม่ครอบคลุม พอเคลียทุกอย่างเรียบร้อย เรากับสามีก็กลับบ้านมาประมาณบ่าย 3 (15.00 น.)​

**พอเวลา 19.00 น. ในวันเดียวกัน**
คุณหมอโทรมาแจ้งผลตรวจว่าสามีเราติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สามีเรารีบมาบอกเราด้วยความตกใจ และเป็นห่วงเรา / ลูก และคนใกล้ชิด กลัวว่าตัวเองจะทำให้ทุกคนเดือดร้อน และหนักไปกว่านั้น สามีเราโทรกลับไปที่โรงพยาบาลและบอกว่า จะขอกลับเข้าไปรักษาต่อ โรงพยาบาลอ้างว่า "ห้องเต็ม"

เสนอให้เราไปหาโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน เราจึงถามว่าโรงพยาบาลคุณมีห้องสำหรับคนไข้ติดเชื้อกี่ห้อง? โรงพยาบาลบอกว่า 1 ห้อง และมีคนไข้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เข้าพักพอดีหลังจากเรากลับมาบ้านในเวลาเพียงแค่ 15.00 น. -​ 19.00 น. เพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น โรงพยาบาลใช้ข้ออ้างนี้ในการปฏิเสธคนไข้ที่เพิ่งออกมาด้วยการวินิจฉัยของแพทย์ว่าให้กลับบ้านได้ สามีและเราเริ่มเครียดหนักไม่รู้จะไปโรงพยาบาลไหนหลังจากถูกโรงพยาบาล…ละเลยคนไข้ เราถามพยาบาลว่า "คุณทำแบบนี้มันไม่ได้เป็นการทิ้งคนไข้เกินไปหรอคะ? " นางก็อ้างสารพัด (เราแม่งคิดในใจ คือ เฮ้ มากกโรงพยาบาลระดับนี้)

สามีเราพยายามติดต่อหาโรงพยาบาลเพื่อที่จะเข้ารับการรักษา แต่ในวันนั้นก็ยังไม่ได้เรื่องมีแต่คนโทรมาสอบถามและแจ้งว่าให้รอที่บ้านเดี๋ยวจะพยายามหาโรงพยาบาลที่มีห้องพักให้เข้ารับการรักษาให้และจะติดต่อกลับ และจะส่งรถเข้ามารับที่บ้านเอง วันนี้เรา สามีและลูกก็นอนแยกกันทันทีที่ทราบผล

พ.25/3/2563 -​ ระหว่างที่สามีมีความหวังว่าจะมีรถมารับที่บ้าน เราและลูกรีบไปโรงพยาบาล…ทันทีในตอนเช้าเพื่อขอไปตรวจไวรัสโควิด 19 เพราะเรา / แม่สามี และลูก นั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้ว ในวันนี้เราขอเล่าแยกเป็น 2 ฝั่งนะคะ

1.ฝั่งเราที่ไปโรงพยาบาลตรวจเชื้อ
- เราไปถึงระหว่างรอตรวจเราสอบถามพยาบาลว่าถ้าเราเจอเราสามารถรักษาที่นี่ได้ไหม โรงพยาบาลบอกว่าได้
เราจึงถามต่อว่าสามีเราตรวจเจอเชื้อที่โรงพยาบาล… ตอนนี้ยังหาโรงพยาบาลไม่ได้เราให้สามีเราเข้ารักษาที่โรงพยาบาล…ได้ไหม พยาบาลบอกว่าตอนนี้กฏที่รัฐแจ้งออกมาคือถ้าโรงพยาบาลไหนตรวจเจอต้องรับตัวคนไข้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้น พยาบาลถามกลับเราว่าทำไมเค้าไม่รับ จริงๆ เค้าต้องรับ ปฏิเสธคนไข้ไม่ได้

เรารู้สึกแย่มาก เราโทรกลับไปเพื่อจะสอบถามข้อเท็จจริงที่ทางโรงพยาบาล…แจ้งมา ทางคุณหมอที่โรงพยาบาล…บอกว่าจริงแต่ก็ยืนยันว่า ห้องเต็ม แต่จะรับเป็น "ภาระ" หาโรงพยาบาลให้ เราแบบงง มาก กับโรงพยาบาลระดับนี้ เราพยายามขอร้องคุณหมอที่โรงพยาบาล…หลายครั้งระหว่างตรวจว่าให้รับสามีเราได้ไหม เรายินดีเสียค่าตรวจซ้ำอีกรอบที่นี่ก็ได้ คุณหมอแจ้งว่าไม่ได้จริงๆ

2.ฝั่งสามีที่รอคอยอยู่ที่บ้าน

- ตั้งแต่เช้าพยายามติดต่อหาโรงพยาบาลรัฐหลายๆแห่ง โดยได้ความช่วยเหลือจากหลายๆคนในการประสานงาน และยังมีหลายหน่วยงานโทรมาสอบถามข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับไทม์ไลน์ว่าช่วงที่เริ่มมีอาการไปไหนมาบ้าง สามีเเละเราพยายามนึกย้อนทุกอย่างและบอกทั้งหมดเท่าที่นึกได้ว่าไปไหนมาบ้างเพื่อที่มันจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่คิดว่าได้เจอเราและสามีเพื่อที่เค้าจะได้ป้องกันตัว
หลังจากแต่ละหน่วยงานได้รับข้อมูลจากสามีและเราไปเค้าก็ได้ทำการโทรสอบถามและแจ้งลงไปยังหน่วยงานราชการบนเกาะสีชังเพื่อให้ทุกคนที่ได้พบเจอสามีเรา เพื่อให้กักตัว และเพื่อป้องกันตัวเองและผู้อื่น

และเวลาประมาณ 14.00 น. สามีก็โทรหาเราว่าจะกลับถึงชลบุรีรึยังจะให้ไปส่งที่โรงพยาบาล… ในวันที่สามีฉันติดเชื้อไวรัส C O V I D 19…!!!

พฤ.26/3/2563 -​ เวลาประมาณ 15.00 น. โรงพยาบาล…โทรมาแจ้งผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด 19 ว่าเรา / แม่สามี และลูกไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19

ที่ต้องอธิบายทั้งหมดนี้เพราะมันมีประเด็นจากการสื่อสารข้อมูลผิดๆ และจากทัศนคติแย่ๆ ความคิดติดลบของคน "บางกลุ่ม" บนเกาะสีชังค่ะ คนที่คิดว่าตัวเองเป็นปัญญาชน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว "คุณแค่เก่งอยู่ในกะลาแคบๆ ที่มันสูงปริ่มหัวกบาลคุณเท่านั้น" เกี่ยวกับครอบครัวของสามีเราและเรา "ลูกชายคนเล็กนายกเกาะสีชัง แจ็ค เภตรา"

คนเกาะสีชังกลุ่มนี้ได้กระทำการที่เรียกว่า "Cyber Bully" ครอบครัวสามีเรามาตลอดค่ะ ซึ่งก็ปล่อยผ่าน ปล่อยวางกันมาตลอดค่ะ เนื่องจากครอบครัวสามีเป็นคนของประชาชนที่เกาะสีชังค่ะ แต่ครั้งนี้คนกลุ่มนี้ Bully กันแบบไร้จิตสำนึกมากในช่วงเวลาที่ครอบครัวคนอื่นย่ำแย่ และทั้งโลกเกิดสถานะการณ์เลวร้ายแบบนี้ และในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องช่วยกันเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน คนกลุ่มนี้กระทำการดังนี้ค่ะ

1.ปล่อยข่าวว่าทางครอบครัวเราปิดข่าวเรื่องสามี จริงๆรู้มาหลายวันแล้ว หลักฐานผลตรวจระบุวันที่/เวลาตามรูปเลยค่ะ
**อ่านไม่ออก / หน้ามืดตามัวจนไม่อยากอ่านบอกนะคะ จะโทรไปแปลให้ฟัง comment ใส่เบอร์โทรมาได้เลยจะรีบติดต่อกลับ**

2.ปล่อยข่าวว่าติดทั้งครอบครัว เราและลูกก็ติด หลักฐานผลตรวจระบุวันที่/เวลาตามรูปเลยค่ะ
**อ่านไม่ออก / หน้ามืดตามัวจนไม่อยากอ่านบอกนะคะ จะโทรไปแปลให้ฟัง comment ใส่เบอร์โทรมาได้เลยจะรีบติดต่อกลับ**

3.โพสต์เฟสบุ๊คด่าท่อ สาปแช่ง ซ้ำเติมสารพัด โพสต์ประมาณว่า คนติดเชื้อคือคนเลว เวรกรรมตามทันคนที่ติดเชื้อ แบบนี้ผู้คนทั่วโลกที่ติดเชื้อโควิด 19 ก็เป็นคนเลวแบบที่คุณว่าหรอคะ?

**คือ งง ค่ะ นี่คือคุณใช้สมองในการกลั่นกรองก่อนพิมพ์แล้วหรอ อายุมากมันทำให้ความ "โง่เขลา" ของคุณมากตามอายุไปด้วยหรือไง???? เราว่าอาการคุณน่ากลัวกว่าคนติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เสียอีก**

ดูเหมือนคุณจะมีปัญหาทางการเงินนะคะ??

เพราะดูคุณว่างงานเหลือเกินถึงเอาเวลามา Bully คนอื่นได้ตลอดเวลาแบบนี้ แนะนำนะคะ เอาเวลาไปทำมาหากินดูแลตัวเอง ภรรยาและลูกดีกว่าไหมคะ? เพราะวันนึงคุณติดโรคไม่ว่าจะเป็นโควิด 19 หรือมะเร็งอะไรก็แล้วแต่ คุณอาจจะเป็นคนเลวแบบที่คุณเที่ยว Bully คนอื่นก็ได้นะคะ แบะการกระทำแบบนี้ของคุณมันจะส่งผลกระทบกับลูกของคุณนะคะ ลูกไม้มันหล่นไม่ไกลต้นหรอกค่ะ

ออ ลืมไปคุณไม่ได้เอาเวลาสั่งสอนลูก เพราะคุณเอาเวลาส่วนใหญ่มา Bully ชาวบ้านเค้าเป็นงานถนัดของคุณ คราวหน้าถ้าคุณกล้าจริงช่วยลงชื่อ/แท็กชื่อด่าตรงๆ เลยค่ะ เพราะคนอย่างคุณถ้าไปถามก็หน้าด้านบอกไม่ได้เอ่ยชื่อจะร้อนตัวทำไมแน่นอน ยินดีรับแท็กทุกกรณีค่ะ ถ้าคุณเป็น

"ลูกผู้ชายนะคะ ไม่ใช่หมาแก่ไร้ประโยชน์ ขยะสังคม"

ตลอดระยะเวลาที่ย่ำแย่ของครอบครัวเรา เราขอขอบคุณน้ำใจเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ให้ความช่วยเหลือเราในช่วงเวลานี้นะ คนไทยหลายคนมีน้ำใจมาก โทรมาถามไถ่รับฟังปัญหาเราตลอดเวลา

สุดท้ายนี้ อยากจะ "ขอโทษ" ทุกคนจากใจจริงค่ะ ทั้งคนที่ได้อยู่ใกล้ / พูดคุยกับสามีไม่ว่าจะในระยะไหน อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองและกักตัวนะคะ

**ใครอยากทราบข้อมูลเพื่อเช็คตัวเอง สอบถามว่าทำไงถึงไม่ติด ทั้งที่นอนเตียงเดียวกัน กินข้าวร่วมช้อน ทุกอย่างที่สามี ภรรยาเค้าใช้ชีวิตร่วมกัน เราทำหมดตั้งแต่วันแรกที่สามีเป็นไข้ ติดต่อเราได้ทางอินบ็อคเลยนะคะ ยินดีตอบทุกคำถามที่สร้างสรรค์จากคนคิดดีค่ะ**

🙏🙏🙏❤️❤️❤️🙏🙏🙏😷😷😷

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0