โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

เมอร์คิวรี่ : ซ้ายปีศาจ "ธีราทร บุญมาทัน" จากผู้ร้ายสู่แข้งไทยแชมป์เจลีก

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 16 ธ.ค. 2562 เวลา 06.29 น. • เผยแพร่ 16 ธ.ค. 2562 เวลา 06.29 น.
103

จากผู้ร้ายที่โดนข้อครหาหลังจากพาทีมชาติไทยตกรอบแรก ฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 25 เมื่อ 10 ปีก่อน

จนกระทั่งถึงวันนี้ “อุ้ม” “ธีราทร บุญมาทัน” ได้สลัดคราบผู้ร้ายกลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลเจลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่กับสโมสร “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส

ในปีนี้ธีราทรตัดสินใจอยู่ค้าแข้งในศึกเจลีกเป็นปีที่สองหลังจากผลงานในปีแรกกับวิสเซล โกเบ ยังไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไรนัก

แต่ปีนี้เขายึดตำแหน่งแบ๊กซ้ายตัวจริง พร้อมมีส่วนสำคัญในการพาทีมโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส คว้าแชมป์ศึกเจลีกในรอบ 15 ปีของสโมสร

และถือเป็นแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทย ซึ่งธีราทรได้จารึกชื่อตัวเองไว้เป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีกมาครองได้สำเร็จ!

 

แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ธีราทรเมื่อสมัยยังเป็นนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เคยตกเป็นผู้ร้ายของวงการลูกหนังไทย จากการที่เขาอยู่ร่วมทีมชาติไทยชุดตกรอบแรกฟุตบอลชายในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ซึ่งถือเป็นรอยด่างพร้อยของวงการฟุตบอลไทยกับการตกรอบแรกซีเกมส์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เข้าร่วมการชิงชัย

ยิ่งไปกว่านั้น อีก 2 ปีต่อมาหลังจากนั้น “โก๋อุ้ม” ได้ร่วมทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว และโดนใบแดงในเกมแพ้เจ้าภาพ อินโดนีเซีย 0-3 ทำให้ตกรอบซีเกมส์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันไปแบบเจ็บปวดอีกครั้ง

อีกเหตุการณ์สำคัญของธีราทร กับเกมในทีมชาติชุดใหญ่ ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ในฟุตบอลโลก 2012 รอบคัดเลือก ธีราทรก็โดนใบแดงในเกมกับซาอุดีอาระเบีย ก่อนไปซีเกมส์ เรียกได้ว่าเจอใบแดง 2 เกมซ้อน ในเวลาแค่ไม่กี่วัน ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นผู้ร้ายในสายตาแฟนบอลไทยไปในทันที

จนกระทั่งในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า เจ้าอุ้มแก้ตัวสำเร็จด้วยการพาทีมชาติไทยลงแข่งขันซีเกมส์สมัยที่ 3 ของตัวเอง พร้อมพาทัพช้างศึกผงาดแชมป์ได้สำเร็จ ภายใต้การคุมทัพของ “ซิโก้” “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง”

ทำให้เขาเริ่มที่จะลบข้อครหาในสายตาแฟนลูกหนังไทยได้บ้าง

 

ธีราทรเริ่มต้นค้าแข้งกับสโมสร “ราชประชา” ก่อนประสบความสำเร็จกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั้ง “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” และ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ทำให้เขาได้รับฉายาฝีเท้าว่าเป็น “ซ้ายปีศาจ” จากการเล่นลูกนิ่งด้วยเท้าซ้ายอันเฉียบขาด จนทำให้ฟุตบอลลีกไทยคงเล็กเกินไปสำหรับเขา ธีราทรจึงตัดสินใจย้ายไปเล่นในศึกเจลีกปีแรกกับทีม “วิสเซล โกเบ” ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี

ในปีแรกกับวิสเซล โกเบ เมื่อฤดูกาล 2018 ธีราทรได้โอกาสเล่นร่วมกับ 2 แข้งดังดีกรีแชมป์โลกอย่าง “ลูคัส โพดอลสกี้” แข้งเยอรมัน และ “อันเดรียส อิเนียสต้า” จอมทัพชาวสแปนิช แต่ผลงานส่วนตัวของเขาลงสนามไปทั้งสิ้น 28 นัด แต่ยิงไม่ได้เลย พร้อมกับพาทีมจบเพียงอันดับ 10 ในตารางคะแนน

หลังจากนั้นธีราทรตัดสินใจอยู่สู้ต่อ เพื่อพิสูจน์ฝีเท้าตัวเองในลีกญี่ปุ่น และย้ายมาร่วมทีม “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” ด้วยสัญญายืมตัวอีก 1 ปี ซึ่งด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเททำให้เขายึดตำแหน่งแบ๊กซ้ายตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง และโชว์ทีมเค้นฟอร์มแกร่งออกมาได้ทันในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลก่อนผงาดแชมป์เจลีกได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

“ผมตัดสินใจไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เพราะอยากให้ลูกชายของผมภาคภูมิใจ เมื่อเขาโตขึ้นมาจะได้รู้ว่าพ่อของเขาเคยเล่นให้สโมสรในญี่ปุ่นกับทีมอย่างวิสเซล โกเบ และโยโกฮาม่า เอฟ มารินอสมาแล้ว” ประโยคที่ธีราทรได้เปิดใจไว้ตั้งแต่ต้นปีที่เขาย้ายมาเล่นให้กับทีมโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส

 

ผลงานของธีราทรกับโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในฤดูกาล 2019 นี้เขาลงสนามไปทั้งสิ้นในเกมลีก 25 นัด ยิงได้ 3 ประตู รวมทั้งทำแอสซิสต์สวยๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีมพังประตูได้ด้วย ซึ่งด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้ ทำให้โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ทุ่มเงินค่าตัวซื้อขาดมาร่วมทัพแบบถาวรในฤดูกาลหน้า

ธีราทรเปิดใจหลังพาทีมคว้าแชมป์ว่า “กว่าจะมีวันนี้ได้ ผมต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากทีเดียว มันไม่ง่ายเลย ช่วงมาที่นี่ใหม่ๆ ยอมรับว่าท้อเหมือนกัน แต่เราก็ต้องอดทน พอใช้เวลาปรับตัวได้ ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางครับ ขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่เป็นกำลังใจให้โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผม และขอให้เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะครับ”

“ถ้าพูดเรื่องการคว้าแชมป์ มาที่นี่วันแรกผมไม่ได้คิดฝันที่จะเป็นแชมป์เลย ขอแค่พาทีมไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ ซึ่งในวันแรกที่ผมเห็นแท็กติกของทีมเวลาฝึกซ้อม ผมพูดกับล่ามของผมว่าปีนี้ผมต้องยิงได้แน่ๆ เลย”

“ช่วงแรกของผมถือว่าสาหัสมากๆ ในการมาเล่นที่นี่ แต่มันเป็นเรื่องของแท็กติกของโค้ชอังเก เขาให้ผมเล่นสไตล์ ฟาลส์ ฟูลแบ๊ก คือต้องเข้ามาเล่นตรงกลาง ช่วงทำเกมตรงกลางในเวลาบุก แต่เมื่อเกมรับผมก็เป็นแบ๊กเหมือนเดิม”

 

เจ้าอุ้มกลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลเจลีกได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีนักเตะไทยบุกมาค้าแข้งในลีกฟุตบอลญี่ปุ่นมากมาย เริ่มตั้งแต่ยุคบุกเบิกเมื่อปี 1976 ที่ “เฮงซัง” “วิทยา เลาหกุล” เล่นให้กับยันมาร์ ดีเซล หรือเซเรโซ่ โอซาก้า อีกทั้งยังเป็นโค้ชชาวไทยคนแรกในลีกญี่ปุ่น สมัยลงเล่น และเป็นโค้ชคุมทีมมัตสึชิตะ หรือกัมบะ โอซาก้า ในปัจจุบัน

ช่วงเวลาต่อจากนั้นมีนักเตะไทยบุกไปค้าแข้งในเจลีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วรวรรณ ชิตะวณิช, พิชัย คงศรี, นที ทองสุขแก้ว, รณชัย สยมชัย, พิชิตพล อุทัยกุล, ประเสริฐ ช้างมูล, สมชาย ทรัพย์เพิ่ม, พงศธร เทียบทอง และอดุลย์ หละโสะ ก่อนที่มาถึงยุคของแข้งไทยชุดปัจจุบันที่ก้าวไปฝากผลงานในศึกเจลีก ทั้ง “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร, “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับซานเฟรส ฮิโรชิม่า, “นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับโออิตะ ทรินิตะ

อีกทั้งยังมีนักเตะเยาวชนไทยหลายคนที่ผ่านการเล่นในลีกญี่ปุ่นมาแล้วเช่นกัน ไล่เรียงตั้งแต่ สิทธิโชค ภาโส กับคาโงะชิมะ ยูไนเต็ด (เจลีก 3), จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ กับเอฟซี โตเกียว ยู-23, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ กับเซเรโซ่ โอซาก้า ยู-23, จักรกฤษ ลาภตระกูล กับโทกุชิม่า วอร์ทิส (เจลีก 2) และณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กับเอฟซี โตเกียว ยู-23

เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของนักเตะไทยในการเดินทางไปค้าแข้งในเจลีกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่ “อุ้ม” “ธีราทร บุญมาทัน” แบ๊กซ้ายทีมชาติไทย วัย 29 ปี ได้จารึกชื่อเป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีกได้สำเร็จ

ทำให้เป้าหมายของเขาต่อไปจะต้องใหญ่ขึ้นกว่าเดิมคือ การช่วยทีมโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก้าวไปเขย่าเวทีเอเชียในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า

 

จากผู้ร้ายในซีเกมส์เมื่อ 10 ปีก่อน แต่วันนี้ธีราทรก้าวผ่านจุดต่ำสูงในชีวิตค้าแข้ง พร้อมกับทะยานขึ้นมากลายเป็นฮีโร่ให้แฟนบอลชาวไทยได้มีความสุขสุดขีดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเขาได้ลบคราบผู้ร้ายของตัวเอง รวมทั้งลบคราบน้ำตาของแฟนบอลชาวไทยที่เพิ่งผิดหวังจากการที่ทีมชาติไทยไร้แชมป์ในรอบ 10 ปีจากมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

ธีราทรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักเตะไทยรุ่นหลังที่สามารถก้าวผ่านความผิดหวังจากการตกรอบแรกซีเกมส์ และพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่ง เพื่อก้าวไปสู่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0