โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เฟ้นหาหุ้นเติบโตลงทุนทำกำไร ... “วิธีการหาหุ้นเติบโต”

Finnomena

อัพเดต 04 พ.ย. 2562 เวลา 08.28 น. • เผยแพร่ 13 ก.ย 2562 เวลา 04.00 น. • นายแว่นลงทุน

สำหรับการลงทุนเชิงรุก หรือ Active Investment นักลงทุนต้องทำการบ้านหนัก และต้องขยันกว่าคนอื่น … แนวทางการลงทุนแบบนี้ เราต้องเข้าใจว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเก่ง ๆ ในตลาดหุ้นที่เราอาจจินตนาการไม่ออกว่า เขาเก่งขนาดไหน และหากเราไม่เก่งพอ แน่นอนที่สุดว่าเราจะกลายเป็นเหยื่อ

แต่สำหรับคนที่มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเดินเส้นทางสายนี้ การลงทุนในหุ้นเติบโต ถือเป็นอะไรที่เราต้องทุ่มเทกาย และใจอย่างแรงกล้า … เอาล่ะ … เมื่อเราตัดสินใจได้แล้ว จะเริ่มต้นอย่างไร ? และเคล็ดลับจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยครับ

(เงินล้าน) เฟ้นหาหุ้นเติบโตลงทุนทำกำไร … “วิธีการหาหุ้นเติบโต”
(เงินล้าน) เฟ้นหาหุ้นเติบโตลงทุนทำกำไร … “วิธีการหาหุ้นเติบโต”

ประการแรก … “ติดตามหุ้นที่ยอดขายโต กำไรทำนิวไฮ”

หากเราสแกนหุ้นกว่า 700 ตัวในตลาดหุ้นไทย เชื่อว่าเราจะต้องพบกับหุ้นที่ยอดขายโต และกำไรทำนิวไฮ อย่างแน่นอน

สมมติว่าเราเจอหุ้นกลุ่มหนึ่งที่ยอดขายโตกว่า 10% ต่อปี หมายความว่า ยอดขายของเขาโตกว่า GDP ของประเทศ และกำไรโตกว่า 20% ถ้าเราเจอหุ้นแบบนี้แล้วเราไม่เข้าไปเจาะดูในรายละเอียด ผมคิดว่าเราก็ไม่เข้าขายนักลงทุนเชิงรุก สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องเข้าไปดู “ขุดหาข้อมูล” เชิงลึก และหาเหตุผลที่ยอดขายโต กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ออกมาให้ได้ และค่อยมาตรวจเช็กในข้อต่อไป

ประการที่สอง … “ดูความยั่งยืนของยอดขาย และกำไร”

หลายครั้งยอดขายเติบโตมาก แต่โตจากการแย่งส่วนแบ่งของคู่แข่ง หรือเกิดสงครามราคา ถ้าเป็นแบบนี้ยอดขายที่เติบโตอาจไม่ยั่งยืน และกำไรที่ทำได้ก็ไม่ยั่งยืน

ยังมีการตรวจสอบอีกประการก็คือ เราต้องตัดกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวออกไปด้วย กำไรพิเศษอาจเกิดจากการขายสินทรัพย์ที่ทำได้แค่ครั้งเดียว เมื่อเราตัดทุกอย่างออกไป ก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านว่า กำไรนั้นจะยั่งยืนยาวนานแค่ไหน

ประการที่สาม … “ดูว่ากิจการมีหนี้สินเยอะหรือไม่”

หากกิจการใดที่ทำกำไรได้เยอะ แต่หนี้สินเขาเยอะมาก ๆ แน่นอนที่สุดว่า เงินที่ทำกำไรได้ต้องเอาไปจ่ายหนี้สินเสียก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

กิจการที่ยอดขายโต กำไรโต แต่หนี้สินเยอะ เราควรตัดออก ไม่ควรเอามาพิจารณา นอกจากไม่มีตัวเลือกจริง ๆ หรือกิจการนั้นเป็นกิจการที่ต้องเติบโตด้วยหนี้ และหากกิจการใดมีหนี้สินน้อย เงินกำไรที่ทำได้ก็มีโอกาสที่จะตกถือมือผู้ถือหุ้นมากกว่านั่นเองครับ

ประการที่สี่ … “ดูว่ากิจการจะปันผลออกมาเท่าไหร่”

หนึ่งสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นขยับปรับตัว คงหนีไม่พ้น “เงินปันผล” หากกิจการใดมีเงินปันผลออกมามาก ก็จะจูงใจให้มีคนอยากมาซื้อหุ้น และไล่ราคากัน

สูตรสำหรับคำนวณมูลค่าหุ้นจากเงินปันผลคร่าว ๆ ผมจะใช้สูตรโดยนำเงินปันผลต่อหุ้นมาหารด้วย % ปันผลที่เราคิดว่าจะมีคนไล่ราคา

ยกตัวอย่างเช่น เราคิดว่าหุ้น A มีแนวโน้มเติบโตมาก และจะมีเงินปันผลในรอบนี้ 1 บาทต่อหุ้น ด้วยแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง เราให้ % การปันผลที่จะเป็นไปได้ราว 3% หรือมากกว่าเงินฝากธนาคาร ดังนั้นหุ้นตัวนี้ควรมีราคาเท่ากับ 1/0.03 = 33.33 บาท เป็นต้น

ประการสุดท้าย … “ราคาตอบรับไปหรือยัง”

ต่อเนื่องจากประการข้างต้น หากราคาหุ้น ณ ตอนนี้ราคาแค่ 15 หรือ 20 บาทต่อหุ้น แสดงว่า ราคาที่ควรจะเป็นในอนาคตน่าจะสูงกว่านั้น และเราสามารถซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าสิ่งที่เราคิดเพื่อเก็บเอาไว้รอทำกำไร แต่หากสิ่งที่เราคิดมันผิด เช่น กำไรต่อหุ้นออกมาต่ำกว่าที่เราคาดมาก และราคาหุ้นตกแทนที่จะขึ้น เราก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าเราควรจะถือต่อหรือไม่

ข้อสรุป ก็คือ

วิธีการหาหุ้นเติบโตให้เริ่มต้นจาก หาหุ้นที่ยอดขายโต และกำไรทำนิวไฮ จากนั้นเราต้องพิจารณาความยั่งยืนของกำไร ดูหนี้สินของกิจการว่าเยอะหรือไม่ เมื่อกำไรแล้วจะปันผลออกมาเท่าไหร่ และหากราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่ตอบรับ เราจึงจะซื้อลงทุนนั่นเองครับ

#นายแว่นลงทุน

ติดตามนายแว่นลงทุน ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada/

**สนใจลงทุนในพอร์ต RUNNING for Growth พอร์ตกองทุนรวมหุ้นซึ่งจัดโดยนายแว่นลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเลย >> https://www.finnomena.com/port/naiwaen

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0