โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เฟอร์นิเจอร์ 'สั่งตัด' พระเอกใหม่ 'อินเด็กซ์ฯ'

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 22 ก.ค. 2562 เวลา 18.00 น.

เป็นธุรกิจทำ 'ยาก' และไม่ใช่ธุรกิจที่มี 'รีเทิร์นหอมหวน' !! จึงไม่ค่อยมีผู้ประกอบการหน้าใหม่รายใหญ่เข้ามาในตลาด ถือเป็นหนึ่ง 'จุดแข็ง' ของ บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM หุ้นไอพีโอน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 105 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.8% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท เข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ในราคาหุ้นละ 22.00 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 5.00 บาท

การขยับตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครานี้แน่นอนว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง 'กลุ่มปัทมสัตยาสนธิ' สัดส่วน 72.6% (ตัวเลขหลังเสนอขายหุ้น IPO) ต้องการมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และการนำบริษัทเข้าระดมทุนถือเป็น 'แรงผลักดัน' ธุรกิจไม่หยุดนิ่ง จะสะท้อนออกมาทั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ !!

'กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ' กรรมการผู้จัดการ บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจร และครอง 'ส่วนแบ่งทางการตลาด' (มาร์เก็ตแชร์) เบอร์ 1 เมืองไทยต่อเนื่องกว่า 10 ปี ด้วยมูลค่าตลาดรวม '5 หมื่นล้านบาท'เป็นของ ILM คิดเป็น 20% หรือ 'หมื่นล้านบาท' บอกสตอรี่ใหม่ผลักดันฐานะกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek'

การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น จะไม่ได้ประโยชน์เพียงแค่มีช่องทางการหาเงินทุนมากขึ้น แต่จะได้เรื่องหน้าตา และความน่าเชื่อถือเต็มๆ มาตรฐานของบริษัทจะถูกยกระดับขึ้นทันที ที่สำคัญยังสามารถสร้างการเติบโตในแง่ของตัวเลขผลประกอบการเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านเงินระดมทุนเสนอขาย IPO จำนวน 2,240 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนการดำเนินธุรกิจเพื่อขยายสาขา

*'จะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงานและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจร้านค้าปลีก ของตกแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย' *

สอดคล้องกับแผนธุรกิจในการขยายสาขา ปี 2562-2563 อย่าง 'โครงการขยายสาขาร้าน Index Living Mall' ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยบริษัทมีแผนเปิดบริการ 3 สาขา ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี เปิดบริการปีนี้ , สาขาสุขาภิบาล 3 เปิดบริการปี 2563 และ สาขารามอินทรา เปิดบริการปี 2563

ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่าย ประกอบด้วย มี ร้าน Index Living Mall และ Index Furniture Center มีทั้งหมด 36 สาขา ครอบคลุมกว่า 21 จังหวัดทั่วประเทศไทย และยังเป็นผู้ให้บริการธุรกิจให้เช่าและบริการพื้นที่เช่า ภายใต้แบรนด์ The Walk , Little Walk และ Index Mall จำนวน 9 สาขา

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้จากการขายเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Index furniture และ Winner เป็นหลัก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 45% ของรายได้จากการขายสินค้าทั้งหมด

'โครงการขยายร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก' (COCO) ภายใต้แบรนด์ 'WINNER' โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด ตามจังหวัดรอง หรือ อำเภอย่อยๆ ซึ่งเป็นร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กพื้นที่ประมาณ 1,000-1,700 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนราว 25-40 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายสาขาได้รวดเร็ว และเป้าหมายจะขยายให้ครบทุกจังหวัดของเมืองไทย โดยบริษัทจะเปิดสาขาในปีนี้ ที่จังหวัดราชบุรี

*'โมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เราสามารถขยายสาขาได้เร็วเพราะใช้งบลงทุนไม่เยอะ ต่างจากร้าน Index Living Mall ที่ใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลาคืนทุน 7-8 ปี เรามีเป้าหมายเปิดให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เราทดลองเข้าไปตามเมืองรองที่มีกำลังซื้อ โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของความเป็นเมืองที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงในอนาคต' *

'โครงการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป" (Solar Rooftop) โดยปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนไปแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งทยอยติดตั้งไปแล้วกว่า 10 สาขา รวมทั้งการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ที่โรงงานด้วย ซึ่งเป็นการลงทุนที่คืนทุนเร็วเพียง 3 ปีเท่านั้น *'การทำโซลาร์รูฟท็อป ที่จะเห็นชัดเจนในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีค่าไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ' !! *

นอกจากนี้ มีขายงาน โครงการทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการสำนักงานทั้งในและต่างประเทศโดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้างานโครงการหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยไม่ได้ พึ่งพิงอุตสาหกรรมใดเป็นหลัก และยังได้ รับความไว้ วางใจจากผู้ ประกอบการชั้นนำในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาด , โรงพยาบาล , สำนักงาน , โรงเรียนและมหาวิทยาลัย รวมทั้งโรงแรม เป็นต้น

ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ โดยบริษัทมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 17 ร้านค้า ใน 7 ประเทศ และมีงานโครงการในต่างประเทศ รวมทั้งงาน 'รับจ้างผลิต' (OEM) บริษัทรับจ้างผลิตสินค้าแบบไม่มีแบรนด์ให้แก่บริษัทต่างชาติและ ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ บริษัทมีช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ทั้งหมด 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ของบริษัทเอง , Lazada , Shopee และ Index Chat to Shop (Line @) โดยที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการครบวงจร โดยมี 'โรงงานการผลิต' ดำเนินการผลิตเฟอร์นิเจอร์และที่นอน โดยบริษัทย่อย ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 1 ล้านชุดต่อปี และมีการเพิ่มประสิทธิภาพ และลงทุนเครื่องจักรใหม่ ที่จะใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น 'ศูนย์กระจายสินค้า' สามารถจัดเก็บ และบริหารสินค้าคงเหลือโดยใช้ระบบ IT ในการจัดการ และกระจายสินค้าให้กับสาขา และลูกค้า ผ่านรถยนต์ของบริษัทและเครือข่ายผู้ให้บริการขนส่ง

'ช่องทางการจัดจำหน่าย' สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามเป้าหมาย ซึ่งลูกค้ารายย่อยทั้งในหัวเมืองใหญ่ และหัวเมืองรอง ลูกค้าโครงการ ลูกค้าออนไลน์ และ ลูกค้าต่างประเทศ และ 'บริการหลังการขาย' มีบริการขนส่งสินค้า รับประกันสินค้า และมีโครงการบัตรสะสมคะแนน Joycard ซึ่งสร้างการจดจำ และ Brand Royalty

*'เรามีจุดแข็งด้านแบรนด์ร้านค้าปลีกและแบรนด์สินค้าเป็นที่จดจำและได้รับความนิยม (Brand Awareness) สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้าเยี่ยมชมร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งเสริมสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจหลักของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน' *

'นายหญิง' บอกต่อว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังเข้ามาเพื่อช่วย'แก้ปัญหา' (Pain Point) ระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้รับเหมา นั่นคือ'ธุรกิจสินค้าเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด' (Younique) โดยเชื่อว่าจะเข้ามา 'ดีสรัป' ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่ง ILM เป็นผู้ประกอบการคนแรกและรายเดียวที่มีเทคโนโลยีแบบนี้

โดยในปี 2560 บริษัทได้เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดรูปแบบใหม่ Younique ที่ลูกค้าสามารถปรับแต่งดีไซน์ได้เอง รวมถึงใช้สินค้าที่มีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย และชอบความรวดเร็ว ภายใต้งบประมาณที่วางไว้ โดยใช้เวลาตั้งแต่การวัดพื้นที่ รวมถึงการติดตั้งแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

ทำให้ที่ผ่ายมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด Younique เมื่อปลายปี 2560 สะท้อนผ่านตัวเลขการเติบโตแบบ 'ก้าวกระโดด' ปี 2560 อยู่ที่ 14.4 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่ 227.9 ล้านบาท และ งวด 3 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 80.6 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะขยาย Younique เพิ่มเติมในสาขาร้าน Index Living Mall โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทั้งหมดภายในเดือนธ.ค.2562

'เราคาดว่าเทรนด์เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดจะมีทิศทางการเติบโตมาก เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาที่ลูกค้าเจอในปัจจุบัน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเติบโตขนาดไหน เพราะว่าประเมินตลาดรับเหมาได้ว่าใหญ่แค่ไหน แต่คาดว่าจะใหญ่กว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์อย่างแน่นอน ดังนั้นหากทั่วประเทศไทยหันมาใช้บริการของเราได้ถือว่าเป็นโอกาสมหาศาล'

โดยตอนนี้บริษัทมีการรุกเข้าไปทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ให้กับร้านชาบู , ร้านกาแฟ และยิ่งเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่กำลังเจาะเข้าไปในกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในปีนี้ ซึ่งบริษัทจะเข้าไปแทนที่ผู้รับเหมาในตลาดดังกล่าวแล้ว ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดนั้น'มาร์จิน' สูงกว่าธุรกิจค้าปลีกอีกด้วย

*'เป้าหมายตั้งใจให้ธุรกิจดังกล่าวขึ้นมาเป็น 'พระเอก' ของเรา เราต้องใจจะเปิดให้ครบทุกสาขาของสาขาร้าน Index Living Mall' *

สำหรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ยอมรับว่ากระทบยอดขายที่มีการเติบโตลดลงจากอดีตที่ยอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 'สองหลัก' แต่ปัจจุบันยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว แต่เชื่อว่าจากการทำธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญและมีความระมัดระวังไม่เร่งเปิดสาขา แต่เน้นการรักษาและเพิ่มยอดขายควบคู่ไปกับการลดต้นทุน จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้

ท้ายสุด 'กฤษชนก' ทิ้งท้ายไว้ว่า เป้าหมายในอนาคตเรามุ่งเน้นเพิ่มกำไรมากขึ้น โดยการบริหารต้นทุนให้ลดลง ยิ่งในภาวะยอดขายไม่ได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเช่นปัจจุบัน ฉะนั้น เราจะทำยังไงให้ธุรกิจเติบโตก็ต้องลดค่าใช้จ่าย และขายของให้ GP สูงขึ้น 'เธอย้ำปิดท้าย'

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0