โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เพื่อไทย"อีสาน"ยังเลือดไหลไม่หยุด-เสียอะไรไม่เท่าเสียหน้า !!

Manager Online

อัพเดต 16 ก.ค. 2561 เวลา 00.19 น. • เผยแพร่ 16 ก.ค. 2561 เวลา 00.19 น. • MGR Online

เมืองไทย 360 องศา

อาจจะเป็นเพราะเป้าหมายของ"พลังดูด"กำลังมุ่งไปที่พรรคเพื่อไทย จนกลายเป็นว่าเกิดปฏิกิริยาโต้กลับรุนแรงมาเหมือนกัน เพราะหากพิจารณากันอีกด้านหนึ่งที่ได้ยินเสียโวยวายออกมาจากพรรคดังกล่าวดังกว่าใครในความหมายก็คือ"ใช่"ว่ากำลังถูกกระทบกระเทือนหนักกว่าใคร แต่ก็แปลกเหมือนกันว่าในระยะหลังทำไมถึงมีท่าทีเห็นใจจากคนรอบข้างน้อยลงทุกที

อาจเป็นเพราะจุดกำเนิดของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ในยุคพรรคไทยรักไทยที่เริ่มจดทะเบียนพรรคในวันที่ 14 กรกฎกาคม 2544 ที่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น"เจ้าของ"พรรคมาตั้งแต่แรกก็ใช้วิธี"ดูด"หรือหนักกว่านั้นคือ"ซื้อยกพรรค"จากที่เคยมีการพูดถึงกรณีพรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ"กลุ่มวังน้ำเย็น"ที่ตามข่าวบอกว่าพ่วงออฟชั่นสนามกอล์ฟในย่านรังสิต ที่ดังกระหึ่มในยุคนั้นมาแล้ว

เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบันที่กลายมาเป็นพรรคเพื่อไทย และต้องมาเจอกับยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รับรู้กันว่า"รู้ทัน" ทักษิณ ชินวัตร มากที่สุด และก็น่าเชื่อว่าหากจะ"ปิดเกม" ทักษิณ ได้อย่างถาวรก็มีแต่เขาเท่านั้นที่น่าจะทำได้ เพราะเวลานี้ถือว่าเขามีองค์ประกอบครบถ้วนหมดทุกอย่าง ทั้งอำนาจ บารมี และกลุ่มทุนสนับสนุน ที่นับวันยิ่งเข้มข้น หากสังเกตให้ดีด้วยระยะเวลานานกว่า 4 ปี ก็ยังแรงไม่ตก และที่สำคัญยังสามารถ"กด"ฝ่ายตรงข้ามจนไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้เลย

เพราะหากพิจารณาเปรียบเทียบจาก"สถานะเผด็จการ"ที่เคยเห็นมาในอดีตยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าใด ก็จะยิ่งสร้างเงื่อนไขให้เกิดการ"โค่น"หรือขับไล่ออกไปได้มาก แต่สำหรับกรณีของ "บิ๊กตู่"กลับเป็นตรงกันข้าม ยิ่งนานกลับยิ่งดูมั่นคง มีกระแสความเป็นผู้นำสูงขึ้น ขณะที่ฝ่ายการเมืองเสียอีกที่ยิ่งนานกลับไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านได้มากขึ้น จนเวลานี้เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ยังมีความสะอิดสะเอียนว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วจะได้นักการเมือง หรือพวกนักธุรกิจการเมืองพวกนี้กลับมาอีก และนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมมีคนหลายคนเหมือนกันที่เฉยๆกับคำว่า"ประชาธิปไตย"ด้วยการเลือกตั้ง

ขณะเดียวกันแน่นอนว่าเวลานี้เรื่อง"พลังดูด"กำลังถูกพูดถึง ถูกวิจารณ์จากฝ่ายพรรคการเมืองบางพรรคโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยมากกว่าใคร ซึ่งก็ต้องยอมรับความจริงว่าพรรคของ ทักษิณ ชินวัตร กระทบกระเทือนมาก เพราะตามข่าวระบุว่า "ถูกดูด"ออกไปหลายคนแล้วทั้งในกลุ่มอดีต สส.ภาคกลาง และภาคอีสาน แต่ล่าสุดกลายเป็นว่า "สมัครใจยอมให้ดูด"ก็มีไม่น้อย

เพราะจากรายงานจากพรรคเพื่อไทย มีการกล่าวหาจากอดีตสส.รายหนึ่งที่ย้ายพรรคไปเรียบร้อยแล้วที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ดูดำดูดีเลย ความหมายเหมือนกับว่า "ลอยแพ"กันไปเรียบร้อยแล้ว แบบนี้ก็ย่อมหมายรวมถึง "ท่อน้ำเลี้ยงก็ย่อมตัน"อีกด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อมองไปแล้ว"ไม่เห็นอนาคต" สังเกตได้จากในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ยังไม่มีใครโดดเด่นพอที่จะมาเป็นผู้นำ หรือแม้แต่จะเข้าใจกันว่าเป็นเพียงแค่"หุ่นเชิด"รายใหม่ ก็ยังไม่เห็นแววสักคน แคดิเดตก่อนหน้านี้อย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาถึงตแนนี้ก็ดูฝ่อไปแล้ว เนื่องจากในพรรคก็มีกระแสต้านค่อนข้างสูง

ดังนั้นเมื่อมองไม่เห็นอนาคตมันก็ย่อมเป็นธรรมชาติของพวกนักการเมืองพวกนี้ที่ย่อมต้องดิ้นรนเพื่อโผไปที่พรรคที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล เหมือนกับก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่มีการก่อกำเนิดของพรรคไทยรักไทยนั่นแหละ

โดยเฉพาะบรรดาอดีต สส.หรือพวกหัวหน้าก๊วนในกลุ่มจังหวัด คนพวกนี้เขามีศักยภาพของตัวเองในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็พวกที่พอมีพลังในตัวเอง คนกลุ่มนี้แหละที่เป็นเป้าหมายของพลังดูด ส่วนพวกที่อยากให้ดูดแต่ไม่มีใครมาดูด พวกนี้แหละที่มักส่งเสียงโวยวาย ซึ่งในวงการก็เข้าใจกันดีว่านี่คือรายการ"ปั่นราคา"ให้ตัวเองทำนองว่ามีคนนั้นคนนี้พยายามมาดูดแต่ไม่ยอมไป อารมณ์ประมาณนี้

แน่นอนว่าหลายคนพยายามจับตามองกับการลงพื้นที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่หรือครม.สัญจรที่ จังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญในวันที่ 23-24 กรกฎาคมว่าแฝงนัยยะการเมือง จะมีเรื่อง"พลังดูด"เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีการจับตาว่ามีอดีตสส.พรรคเพื่อไทยคนสำคัญในพื้นที่จังหวัดอุบลฯอย่าง นายสุพล ฟองงาม อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ชื่อว่า"กลุ่มชักธงรบ" ที่มีข่าวหนาหูว่าได้ย้ายพรรคเรียบร้อยแล้ว หากเรื่องนี้เป็นจริงรับรองว่าจะส่งผลกระทบกระเทือนกับอนาคนพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง เพราะนี่คือการย้ายพรรคในระดับรากหญ้า และยังอาจมีผลทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายได้เลยทีเดียว

ดังนั้นแม้ว่าการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้จะมีการย้ำว่าไม่มีเรื่องการเมือง แต่ไม่ว่าใครมันก็ย่อมมองออก เอาเป็นว่าให้สังเกตบรรยากาศในพื้นที่ในช่วงนั้นให้ดีก็แล้วกันว่าจะมีการเคลื่อนไหวของพวกอดีต สส.ในพื้นที่อย่างไรกันบ้าง ให้ลองโฟกัสไปทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยนั่นแหละ !!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0