วันที่ 17 ก.พ. 62 เวลา 11.00 น. ที่ลานหน้าเซ็นเตอร์พอยต์ กรุงเทพฯ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ ลูกสาว และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เดินหาเสียงย่านเซ็นเตอร์พอยต์ ห้างสยามพารากอน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปกับคุณหญิงสุดารัตน์ และลูกสาวเป็นจำนวนมาก โดยลูกสาว 2 คนของคุณหญิงสุดารัตน์ ช่วยหาเสียง หลังจากเรียนพิเศษที่สยาม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายพรรคมีแนวทางแก้ไขปัญหาคนตกงาน ด้วยการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ด้วยการตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือเถ้าแก่ใหม่ เพื่อสร้างให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งอาจจะแบ่งเงินจากกระทรวงกลาโหม ประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ได้ถึงปีละ 20,000-30,000 คน ทั้งนี้ การตัดงบประมาณจากกลาโหมจะไม่กระทบกองทัพ และขอให้ทหารมาช่วยกันสร้างชาติด้วยกัน เนื่องจากคนยุคใหม่ ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ หลังจากตนได้ลงพื้นที่ ก็ได้รับการสะท้อนจาก ส.ส. พื้นที่ว่าถูกข่มขู่ และเก็บบัตรประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงที่เพจเฟซบุ๊กบางเพจออกมาเสนอข้อมูลว่ามีการเก็บบัตรประชาชนของทหารเกณฑ์ ซึ่งแค่ชื่อพรรคกับชื่อโครงการของรัฐบาลที่เป็นการแจกเงิน ก็เป็นชื่อเดียวกันแล้ว ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าทำถึงขนาดนี้
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พร้อมด้วยนายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางบอน ลงพื้นที่หาเสียง เดินพบปะประชาชน ซึ่งมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูป และพูดคุยจำนวนมาก
บรรยากาศการปราศรัยของพรรคเพื่อไทย มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมฟัง ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเล็กน้อย นายชัชชาติขึ้นกล่าวปราศรัย และเสนอนโยบายของพรรค หลังจากนั้น นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางบอน ขึ้นกล่าวปราศรัย ได้รับเสียงปรบมือจากประชาชนจำนวนมาก ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยสโลแกนประจำตัว “วัน อยู่บำรุง ใจถึง พึ่งได้”
จากนั้น เวลา 18.40 น. เป็นการขึ้นปราศรัยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ตลาดจตุจักร ซึ่งหลังจากนั้นเพียง 1 วัน พรรคพลังประชารัฐ ได้ไปลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดจตุจักรต่อ ซึ่งตนมองว่าพรรคพลังประขารัฐไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะหาเสียงด้วยตัวเอง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า สมัยตนเป็นรัฐมนตรี ยาเสพติดน้อยและแพง แต่ตอนนี้ยาเสพติดถูกมาก เพราะตอนนั้นตนสกัดกั้นสารตั้งต้นยาเสพจากต่างประเทศ ทำให้ยาเสพติดน้อยลงได้ ตอนนี้ไปไหนก็มีแต่คนบอกว่ายากจน