จากกรณีพบศพ น.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ หรือ ต่อ อายุ 36 ปี เซลล์สาวขายปุ๋ย ถูกฆ่าหมกคารถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน พัลซ่าร์ ทะเบียน 4กฐ6348 กทม. ก่อนอำพรางศพทิ้งในคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก หมู่ 1 ต.บ้านโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นเวลานาน 3 ปี จนเหลือแต่โครงกระดูก ตำรวจเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากศพมีผ้าปูที่นอนมัดศพ ส่วนมือฆ่าญาติสงสัยว่า เป็นชายสูงอายุที่มาติดพันผู้ตาย
ล่าสุด วันที่ 11 ธ.ค.62 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองโดน จ.สระบุรี ตรวจสอบสภาพรถคันเกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานประกอบเพิ่มเติม โดยจากการสันนิษฐานเบื้องต้น รถน่าจะเอาส่วนหน้าลงน้ำ และน่าจะเป็นการขับ หรือปล่อยให้ไหลลงคลอง พร้อมทั้งจะนำเรียนผู้บังคับบัญชา เพื่อประสานนำรถของเทศบาล นำน้ำมาฉีดล้างรถ ซึ่งเปรอะเปื้อนดินโคลน เพื่อหาหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ แต่การทำงานต้องทำอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายหลักฐาน
ด้าน ป้าสวย เเม่ค้าในตลาด ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.กลิ่นเกสร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตมาเช่าตึกเเถว บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เดือนละ 6,000 บาท เปิดร้านสเต็กได้ประมาณ 1 ปี ก่อนจะหายตัวไป เสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ย ตนเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก่อนที่จะหายไป ผู้เสียชีวิตยังดูปกติ ไม่ได้มีท่าทีเเปลก ๆ เเต่อย่างใด หลังจากพบโครงกระดูก ตนเองก็รู้สึกสงสารมาก ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูกผู้เสียชีวิตจริง ๆ เเต่ก็ไม่คิดว่าจะเห็นผู้เสียชีวิตในสภาพเเบบนี้ คนที่ทำโหดร้ายเกินไป
ความสัมพันธ์ของผู้ตาย ที่ผ่านมา คบกับชายสูงอายุ ซึ่งเป็นเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยเเห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี คบกันประมาณ 4-5 ปี ก็เลิกรากันไป จากนั้นต่อก็ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ เเต่งงานเเละมีลูกด้วยกัน 1 คน เเต่ไม่นานก็เลิกรากัน เเละต่อก็กลับมาคบกับเสี่ยคนเดิมอีกครั้ง เเละได้ทำงานเป็นเซลล์ในบริษัทของเสี่ยคนดังกล่าว
ลำดับเหตุการณ์ก่อน น.ส.กลิ่นเกสร หายตัว โดยวันที่ 11 พ.ย.59 เวลา 23.00 น. น.ส.กลิ่นเกสร ขับรถออกจากร้านเสต็ก ถัดมาวันที่ 12 พ.ย. ครอบครัวติดต่อ น.ส.กลิ่นเกสร ไม่ได้ จากนั้นวันที่ 13 พ.ย. ครอบครัวแจ้งความคนหาย ที่สภ.พระพุทธบาท ต่อมาวันที่ 8 ก.พ.60 ญาติโพสต์เฟซบุ๊กตามหาคนหาย
กระทั่งวันที่ 9 ธ.ค.62 พบศพ น.ส.กลิ่นเกสร ที่คลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก หมู่ 1 ต.บ้านโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี
ส่วนลักษณะศพของ น.ส.กลิ่นเกสร เจ้าหน้าที่พบผ้าปูที่นอนห่อศพโดยมีเชือกรัดปลายด้านบนไว้ สก็อตเทปที่ใช้แล้ว 1 แผ่น เศษสร้อยข้อมือ ชุดนอนสายเดี่ยว กางเกงใน ซิลิโคลนหน้าอก
ด้าน นายแจ็ค (นามสมมติ) อดีตสามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองคบหาและแต่งงานกับ น.ส.กลิ่นเกสร ตั้งแต่ปี 52 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันลูกชายอายุ 10 ขวบ แต่ตนเองกับ น.ส.กลิ่นเกสร ได้คบหากันได้เพียง 5 ปี และเลิกกันในปี 57 และ น.ส.กลิ่นเกสร ได้พาลูกชายกลับไปอยู่บ้านที่จ.ลพบุรี อีกทั้งยังกีดกันไม่ให้ตนเองได้พบกับลูกชาย จนสุดท้ายต้องฟ้องร้องศาลเพื่อขอสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองลูกชาย ซึ่งศาลก็ตัดสินให้ตนและ น.ส.กลิ่นเกสร มีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองลูกชายร่วมกัน โดยแบ่งเวลาในการเลี้ยงดูโดยให้ น.ส.กลิ่นเกสร ดูแลลูกชายวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ส่วนตนเองดูแลวันเสาร์และวันอาทิตย์
แต่ระหว่างนั้นทราบว่า น.ส.กลิ่นเกสร ได้คบหาเจ้าของบริษัทปุ๋ยแล้ว ทำให้ตนเองตัดขาดกับ น.ส.กลิ่นเกสร อย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนนั้น สำหรับอุปนิสัยของ น.ส.กลิ่นเกสร เป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นง่าย แต่ตนเองได้ลองสัมผัสนิสัยลึก ๆ แล้ว น.ส.กลิ่นเกสร เป็นคนใจร้อน วู่วาม รวมถึงชอบท้าทาย ยั่วยุให้ตนเองโมโห และต้องการเอาชนะ ซึ่งมีเหตุการณ์ที่เคยเจอกับตัวช่วงที่เป็นคดีความเรื่องแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูบุตร โดย น.ส.กลิ่นเกสร ได้เข้ามากระชากคอเสื้อตนเองเพื่อยั่วยุให้ทำร้าย เพื่อจะได้นำแผลไปแจ้งความ
ขณะที่ นางพิมพ์ (นามสมมติ) ญาติผู้เสียชีวิต เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิด ว่า ต่อคบหากับเสี่ย เจ้าของบริษัทขายปุ๋ยจริง ที่ผ่านมาตนเองก็ไม่เคยเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง โดยปกติเสี่ยจะมาที่ร้านเสต็กของต่อแทบทุกคืน ย้อนกลับไปวันที่ 12 พ.ย. 59 ขณะปิดร้านเสต็กช่วงเที่ยงคืนมีผู้ชายโทรมาหาต่อ จากนั้นตนเองก็ได้ยินต่อเถียงกับผู้ชายในโทรศัพท์เล็กน้อย ในทำนองว่าเร่งให้ต่อรีบปิดร้านแล้วขึ้นนอน หลังปิดร้านเสร็จเห็นต่อขับรถออกไปจากร้าน แต่ไม่ทราบว่าไปไหน วันรุ่งขึ้นตนเองมาถึงร้านแต่เข้าไม่ได้ ไม่มีคนมาเปิดร้าน โทรหาต่อแต่ก็ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ปิดเครื่อง ขณะนั้นรู้สึกเอะใจว่าทำไมต่อไม่มาเปิดร้าน หายไปไหน
หลังแม่ต่อทราบว่าลูกหายไปได้โทรไปถามกับเสี่ย แต่เสี่ยบอกแค่ว่าเห็นต่อครั้งล่าสุดช่วงตีสาม คืนวันที่ 12 พ.ย. อ้างว่าต่อออกไปแต่งหน้าให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าสาว อย่าไงรก็ตามตนเองและญาติ ไม่เชื่อว่าต่อจะประสบอุบัติเหตุ ขับรถตกคลองจนเสียชีวิต มั่นใจว่าเป็นการฆาตกรรม ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องหึงหวงแน่นอน
ทีมข่าวได้ย้อนรอยเส้นทางกลับมาที่โรงงานปุ๋ยแห่งหนึ่งใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ญาติของผู้เสียชีวิตยืนยันว่าผู้เสียชีวิตปรากฏตัวอยู่ จากเส้นทางจากโรงงานภายในอำเภอพระพุทธบาท ไปยังจุดพบรถภายในคลองระพีพัฒน์ ถนนทางหลวงชนบท สาย 4047 หลักกิโลเมตรที่ 10 อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร
ส่วน นายไพโรจน์ กลำกิน อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่เคยเห็นรอยล้อรถตกคลองเมื่อ 3 ปีก่อน เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน จำได้ว่าเป็นช่วงเช้า เวลา 06.00 น. ตนเองขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านจุดดังกล่าว สังเกตเห็นพงหญ้าล้มเป็นแนวราบ คล้ายกับมีล้อรถไถลลงคลอง ซึ่งตนเองได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ จึงไม่กล้านำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งความ กระทั่งมีคนพบรถของ น.ส.กลิ่นเกสร ห่างจากจุดที่ตนเองเคยเจอรอยล้อประมาณ 300 เมตร ช่วงที่เจอรอยล้อนั้น เป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงเกือบถึงตอม่อสะพาน และกระแสน้ำไหลค่อนข้างแรง
ขณะที่ นายเเทน (นามสมมติ) เพื่อนสนิท น.ส.กลิ่นเกสร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทราบมาโดยตลอดว่าต่อคบกับเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ย ซึ่งเป็นคนขี้หึงมาก มักจะทะเลาะกันบ่อยเรื่องหึงหวง เวลาต่อไปไหนเสี่ยรายนี้ก็จะขับรถตามประกบคล้ายสะกดรอยตาม เคยได้ยินต่อเล่าพูดให้ฟังว่า “คนอย่างเสี่ย ฆ่าคนตายก็ไม่ติดคุก” ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการข่มขู่ โดยทั้งคู่ทะเลาะกันก่อนที่ต่อจะหายตัวไปเเค่ 1 สัปดาห์
ด้าน นายสุรเดช อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิด ว่า หลังพลิกรถขึ้นมาได้ครึ่งคัน ขณะตรวจสอบในรถไม่ทราบเลยว่าเป็นผ้าปูที่นอน เพราะถูกปลกคลุมไปด้วยโคลน กระทั่งตอนเปิดผ้าปูที่นอนออกมาก็เจอ โครงกระดูก ซิลิโคลนหน้าอก สก็อตเทปที่ใช้แล้ว (คล้ายเอาไว้พันข้อมือคน) เสื้อชุดนอนสายเดี่ยว กางเกงใน แหวน ต่างหู สร้อยข้อมือ นอกจากนี้ตนเองเป็นคนขยับเกียร์ไปอยู่ที่ตัวP เพื่อให้ดึงรถขึ้นได้ ตามหลักเกียร์จะอยู่ตรงกลาง ที่ตัวD หรือตัวN
นอกจากนี้ นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิด ว่า จากที่ตามคดีนี้มา เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมจากคนใกล้ชิด เสื้อชุดนอนสายเดี่ยว กับกางเกงใน ที่พบในรถ เชื่อมโยงได้ว่าผู้ตายถูกฆ่าในห้องนอน และคนร้ายนำผ้าปูที่นอนมาห่อศพไว้ ก่อนจะมีการนำศพมาใส่รถแล้วปล่อยทิ้งลงน้ำเพื่ออำพราง ซึ่งไม่มีใครที่ไหนไม่ใส่เสื้อใน หรือกางเกง ขับรถออกจากบ้านไปไหนมาไหนกลางดึก
ส่วนคนร้ายที่ลงมือน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะทราบดีว่าปริมาณน้ำในคลองมีมาก ซึ่งคลองที่พบศพปกติจะมีน้ำขึ้นสูงอยู่ตลอด กระทั่งปีนี้น้ำแล้งเกษตรกรเร่งสูบน้ำออกมาใช้จนน้ำลด ทำให้พบซากรถกับศพในที่สุด
นอกจากนี้สงสัยว่าอาจมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยอีก 1 คน เพราะคนเดียวไม่สามารถทำได้ โดยมีอีกคนขับรถมารับหลังทำลายหลักฐานเสร็จ ส่วนการเสียชีวิตในครั้งนี้มั่นใจว่าเป็นการฆาตกรรมที่ประสงค์จะเอาชีวิต ไม่ได้ประสงค์จะเอาทรัพย์ของผู้ตาย เพราะของมีค่าทุกอย่างอยู่ครบ อีกทั้งคนร้ายรู้ว่าหากเอาทรัพย์หรือนำของบางอย่างของคนตายติดตัวไป ย่อมถูกตามจับตัวได้ง่าย
ยอมรับว่าเป็นคดีที่ยากต่อการสืบสวนแน่นอน เพราะเวลาผ่านมาหลายปี หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะสืบหาตัวคนร้ายหายไปหมด แต่ยังเชื่อฝีมือตำรวจจะสามารถตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
https://youtu.be/rXn_i58XbNc
https://www.youtube.com/watch?v=1rXWU-eD5_4