ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เพื่อเพื่อนน้อยกว่านี้ได้อย่างไร ! ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนลุงตู่ ดันน้องชาย นั่งผอ.การท่าเรือสำเร็จ แม้จะมีข้อครหากระบวนการสรรหาส่อผิดกม.- ผลประโยชน์ทับซ้อน เข้าสู่ยุคแปลงรัฐวิสาหกิจของชาติเป็นกงสี "พรหมประยูร" โดยสมบูรณ์
ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดัน "ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร" ขึ้นเป็นผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จนประสบความสำเร็จ หลังครม.ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวานนี้ (18ก.พ) … ท่านๆทั้งหลายทีมีชื่อมาเกี่ยวพันกับการเป็นผู้ออก "ใบสั่ง" ตั้งแต่ นายกฯลุงตู่, เลขาฯนายกฯ, เสธ.ใกล้ตัว, ไปจนถึง รมว. และรมช.คมนาคม คงไม่สะทกสะท้านอะไรกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่สื่อหลายสำนักพยายามทักท้วงมาหลายเดือนติดต่อกัน …ทุกคน "โนแคร์" แม้สำนักข่าวชั้นนำของประเทศนี้นำเสนอมาตลอดว่า การสรรหาครั้งนี้ "อื้อฉาว" อย่างยิ่ง…
กระบวนการลุยถั่วตั้ง กมลศักดิ์ เป็นผอ.การท่าเรือ ส่อไปในทางทุจริตของคณะกรรมการสรรหา พฤติการณ์สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ตั้งแต่ไม่มีการตรวจสอบ กมลศักดิ์นั้นตกคุณสมบัติทางด้านผลประโยชน์ทับซ้อนตามกฎหมายหรือไม่ ด้วยมีภรรยาทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงเช่นกัน ไม่ต่างกับ "ธุรกิจกงสี" ในส่วนเอกชน …กระบวนการสรรหาไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม มีการล็อกตัวผู้ที่จะได้รับการสรรหาไว้แล้ว โดยคณะกรรมการฯได้เสนอชื่อ เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร รอง ผอ.สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ กทท. เป็นผู้ได้รับการสรรหา โดยอ้างว่ามีใบสั่งจาก "ผู้ใหญ่" เกือบจะทุกครั้งที่มีปัญหาขัดแย้งในบอร์ด สรรหา เมื่อเกิดความขัดแย้งจึงทำให้บอร์ดบางคนลาออก เนื่องจากไม่ยอมรับกระบวนการและผลการสรรหา ที่ยังไม่ครบถ้วนและถูกต้อง …
ขณะเดียวกันมีการร้องเรียนกระบวนการสรรหาครั้งนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบด้วย และกรรมการหลายคนที่ลาออกไปแล้ว ที่เห็นการทุจริต และกรรมการยังไม่ลาออกบางคน ใส่ความข้อมูลอันเป็นเท็จกับผู้สมัครบางคนที่ไม่เป็นธรรม ประเด็นเหล่านี้ จะพากันเดือดร้อนไปทั่วกัน … จากการที่ส่อจะทำผิดของคณะกรรมการสรรหาในครั้งนี้ หากในที่สุดมีการร้องเรียน หรือร้องหาความยุติธรรมกันขึ้นมา ความเสียหายอันเนื่องจากแต่งตั้งครั้งนี้ ใครจะรับผิดชอบ … อย่าลืมว่า ประเด็นที่สังคมเป็นห่วงการท่าเรือที่สุด คือการที่รัฐวิสาหกิจสมบัติของชาติ ต้องอยู่ภายใต้กงสีสองผัวเมีย เมียเสนอ สามีอนุมัติ แม้แต่บริษัทเอกชน ยังไม่กล้าจะทำกัน … จากนี้ไปการท่าเรือจะเข้าสู่ยุคแปลงสภาพเป็น "กงสีผัวเมียพรหมประยูร" โดยสมบูรณ์ … ประโยชน์ของประเทศหลายหมื่นล้าน หรือแสนล้าน ที่จะต้องอยู่ภายใต้การบริหารของสามีภรรยา กงสีพรหมประยูร จะเป็นอย่างไร "รัฐบาลลุงตู่" ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ..ต้องรับไปเต็มๆ
พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้นเป็นคนสำคัญที่สุด ถูกอ้างถึงบ่อยครั้งในการผลักดัน เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร มาถึงฝั่งฝันในวันนี้ แว่วว่า ทางสะดวกราบรื่นมาตั้งแต่แรก ต่อให้มีเรื่องร้องเรียนเป็นร้อย การสรรหาจะผิด จะทุจริตอย่างไรย่อมไม่มีปัญหา เรือโทกมลศักดิ์ ก็อยู่ในสายแข็งมาตลอด…คนทั้งหลายพยายามหาเหตุผล หาความสัมพันธ์ ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ด้วยสายสัมพันธ์ระหว่าง "ลุงตู่" กับเพื่อนที่ชื่อ "พล.อ.อ.ดิเรก พรหมประยูร" อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพอากาศพี่ชาย เรือโทกมลศักดิ์ เพื่อนนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 คนนี้นี่เอง … เข้าทำนอง ผอ.ท่าเรือคนใหม่ "มีวันนี้เพราะพี่ให้"
สำหรับ ลุงตู่และเพื่อน พี่ชายของเรือโทกมลศักดิ์ เรื่องนี้จิ๊บๆ เพื่อนมองตาก็เข้าใจ "เพื่อเพื่อนน้อยกว่านี้ได้อย่างไร" เอาที่สบายใจกันเลยครับ เพื่อเพื่อน เพื่อน้องของเพื่อน ก็ว่ากันไป วันไหนที่การสรรหาถูกระบุว่า ทุจริตผิดกฎหมายขี้นมาก็ตัวใครตัวมัน
** เปิด 3 เรื่องที่อาจทำให้พรรคลุงตู่ "พลังประชารัฐ" จอดป้าย ! แต่ กกต.แช่แป้งยื่นยุบพรรค เลือกตั้ง'62 ส่อเค้า "ตกตายตามกัน" สถานการณ์บีบหัวใจ หวั่นเหตุขัดแย้ง -สองมาตรฐาน ทำบ้านเมืองปั่นป่วน
ขณะที่เกมการเมือง " เลือกตั้ง'62" เข้าโค้งสุดท้าย หลังจากไทยรักษาชาติถูก กกต. ยื่นยุบพรรคไปแล้ว ล่าสุดมีการแห่ยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้าง …หนึ่งนั้นเพื่อเรียกร้องการไม่มีสองมาตรฐาน และเพื่อความเป็นธรรม เท่าเทียมกันในการแข่งขันต่อสู้กัน มิให้ความขัดแย้งบานปลาย กลายเป็นความรุนแรงบ้านเมืองเกิดความปั่นป่วนจากการได้เปรียบ เสียเปรียบ ที่พรรคพลังประชารัฐ ถูกมองว่า เอาเปรียบพรรคอื่น ทุกประตู… สอง นอกจากกรณีของพรรคไทยรักษาชาติแล้ว ที่ผ่านมากกต. ยังถูกร้องให้ตรวจสอบกรณีของ “พรรคพลังประชารัฐ”หลายครั้ง ทว่า กกต. ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้เร่งดำเนินการ และยังไม่มีการสรุปเรื่องเพื่อยื่นต่อศาลรธน.
เว็บไซต์ให้ความรู้ทางกฎหมาย และเกาะติดการเลือกตั้งครั้งนี้ www.ilaw.or.th.หรือ "ไอลอว์"ได้เขียนวิเคราะห์ไว้อย่างน่าคิด ไอลอว์ บอกว่า มี "3 เรื่อง" ที่พรรคพลังประชารัฐเข้าข่ายถูกพิจารณาลงโทษถูกยุบพรรคได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง …
หนึ่ง โต๊ะจีนหรู เงินบริจาคอื้อ ชื่อหน่วยงานรัฐปรากฏ…ตามมาตรา 76 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่า ห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง หรือเข้าร่วมกิจกรรมระดมทุนของพรรค และ มาตรา 66 กำหนดว่า บุคคลจะบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินให้แก่พรรคการเมืองเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ไม่ได้ และกรณีนิติบุคคล ไม่เกิน 5 ล้านบาท
จากกรณี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.61 พรรคพลังประชารัฐ จัดงานระดมทุนโต๊ะจีน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท ที่อิมแพคเมืองทองธานี โดยมี อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, กอบศักดิ์ ภูตระกูล และ สุวิทย์ เมษินทรีย์ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาร่วม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ มี ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้จัดงาน รวมถึงนักการเมืองระดับชาติ และนักธุรกิจ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ยอดเงินระดมทุนจากการจัดโต๊ะจีน ใกล้เคียง 650 ล้านบาท … เรื่องนี้มีคนร้องไว้ตั้งแต่ 21ธ.ค.ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ยังเงียบกริบ
สอง คนนอกครอบงำพรรค … ตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 28 ระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองยินยอม หรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดความเป็นอิสระ และมาตรา 29 ระบุว่า ห้ามบุคคล ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม … 7 ม.ค.62 "สุชาติ ตันเจริญ" กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เผยว่า หลังจากหารือกับทีมงานร่างนโยบายของพรรคแล้ว ได้คิดจะร่างนโยบาย เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 กว่า 30 ล้านไร่ ให้เป็นที่ดินทองคำ เพื่อเสนอให้แก่ คณะกรรมการบริหารพรรคฯ รวมไปถึงการผลักดันให้เห็นผลตั้งแต่ในช่วงรัฐบาลชุดนี้…
ทว่าเมื่อมีการประกาศนโยบายพรรคออกไปเช่นนี้ ร้อนไปถึงหูของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคด้วย… 15 ม.ค. 62 พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ให้ไประงับไอเดียของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่นำประเด็นที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ไปหาเสียง เพราะขัดต่อเจตนารมณ์การใช้ที่ดินของรัฐ ที่ต้องการกันไว้เพื่อเกษตรกรรมและผู้ยากไร้ว่า กฎหมายไม่ เปิดช่องให้แก้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 หลังจากนั้น พรรคพลังประชารัฐก็มีท่าทีเปลี่ยนไป …กรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ยอมถอยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเข้าข่าย ยินยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำกิจกรรมของพรรค ซึ่งแม้พลังประชารัฐ มีแนวคิดอยู่แล้วว่าจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ขณะนั้นก็ยังถือว่า เป็นบุคคลภายนอก ที่เข้ามาครอบงำกิจกรรมของพรรค และเป็นมูลเหตุที่จะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคได้ …
สาม บังคับสมัครสมาชิกพรรคแลกบัตรคนจน … ตาม กม.พรรคการเมือง มาตรา 30 ระบุห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิก ทั้งนี้ เว้นแต่สิทธิ หรือประโยชน์ซึ่งบุคคลจะพึงได้รับ ในฐานะที่เป็นสมาชิก และ มาตรา 31 ระบุห้ามมิให้ผู้ใดเรียก รับ หรือ ยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งมีโทษ คือ ตัดสิทธิทางการเมืองของผู้สมัคร 5 ปี และหากพบว่า พรรคการเมืองต้นสังกัดไม่ยับยั้ง หรือจัดการใดๆ จะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้
23 ธ.ค.62 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปแฉว่า ประชาชนที่มาลงทะเบียน เพื่อรับบัตรสวัสดิการรัฐรอบเก็บตก ในพื้นที่ ต.สามัคคี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ถูกบังคับให้ลงชื่อเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยคลิปดังกล่าวระบุข้อความประกอบว่า “มีการเก็บตกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วมี พิกิต ศรีชนะ ผู้แทนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มาด้วย แถมยังมีการโฆษณาชวนให้มาลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสนับสนุนพรรค ถ้าใครไม่ลงทะเบียนพรรค จะไม่ได้ใบสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนคนที่ลงสนับสนุนพรรค จะได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับเงิน 100 บาท คนที่ลงทะเบียนพรรคต้องมีการแปะโป้ง ใส่รูป+สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านอีกด้วย แบบนี้ คือการโกงเลือกตั้งแบบอ้อมๆ หรือไม่ ???” … เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นกระแส และถูกแชร์ต่อไป โดยฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาปฏิเสธ และเรื่องก็เงียบไปอีกเช่นเคย
เมื่อสำนักข่าวเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ ประชาชนที่ จ.ยโสธร ยืนยันว่า ถูกเจ้าหน้าที่ ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง บังคับให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อน จึงจะทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ พร้อมกับจะให้เงินอีก 100 บาท เพื่อเป็นค่าจ้างในการเดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค … หากเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องจริง ก็เท่ากับว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ประโยชน์เพื่อชักจูงให้คนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เป็นมูลเหตุที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐถูกยุบได้…
ทั้ง3เรื่องนี้ของพรรคพลังประชารัฐ "กกต.ยังนิ่งเฉย" ขณะที่กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ เดินเร็วมาก สังคมย่อมต้องตั้งคำถามสงสัยกันว่า ทำไมไม่ตกตายไปตามกันไปพร้อมๆ กับความหวาดหวั่นว่า เจตนาเอาเปรียบของพลังประชารัฐ ที่อาศัยอำนาจรัฐจะลุกลามเป็น"ไฟการเมือง" ครั้งใหม่ และอาจรุนแรงกว่าที่เป็นมา
**การเมืองร้อนฉ่า!! เมื่อ"เจ๊หน่อย" แตะเรื่องลดงบฯ กลาโหม- เลิกการเกณฑ์ทหาร เจอ "บิ๊กแดง" สวนกลับ บอกให้ไปฟังเพลง "หนักแผ่นดิน" … สถานีวิทยุในเครือข่าย ทบ.กว่า 100 สถานีก็รับลูก เปิดเพลง"ปลุกใจ" กันต่อเนื่องทั้งวัน ทำเอาชาวบ้านตกอกตกใจ นึกว่ามีการ "แอ่น แอ๊น" กันอีกแล้ว
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ "เบอร์1" ของพรรคเพื่อไทย ได้พุ่งเป้าโจมตีไปยัง "ศูนย์อำนาจ" ของฝ่ายรัฐบาลคสช. หวดหนัก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไปรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ยังนั่งเก้าอี้นายกฯ และ สวมหมวกหัวหน้าคสช.อยู่ ซ้ำยังลงพื้นที่พบปะประชาชนถี่ยิบ ถือเป็นการ"เอาเปรียบ" กันเกินไป … เท่านั้นไม่พอ ยังประกาศนโยบาย "ลดงบฯกลาโหม-เลิกการเกณฑ์ทหาร" กระทบชิ่งไปถึง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.
เมื่อวานนี้ (18ก.พ.) บรรยากาศเลยคุกรุ่นแต่เช้า "บิ๊กแดง" ไปเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กอ.รมน. ครบรอบ 11 ปี นักข่าวถามถึง การดูแลสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงหาเสียงขณะนี้ คำตอบที่ได้รับ ตอนแรกทำเอานักข่าวงง แต่ก็มีคำเฉลยตามมาทันทีว่า "เพลงอะไรที่กำลังฮิตตอนนี้… ก็เพลงหนักแผ่นดินไง" นักข่าวหยอดต่อว่า "เจ๊หน่อย" ปราศรัย เสนอนโยบายตัดงบฯกลาโหม 10 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร "บิ๊กแดง" สวนทันที ว่า "ก็ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินไง" … เหมือนกลัวว่า "เจ๊หน่อย" จะหาเพลงนี้ฟังไม่ได้ สถานีวิทยุในเครือข่ายกองทัพบกทั่วประเทศ ที่มีอยู่กว่า 100 สถานี พร้อมใจกันเปิดเพลงแนวปลุกใจ อย่าง เพลงมาร์ชกองทัพบก หนักแผ่นดิน และ ความฝันอันสูงสุด กันอย่างต่อเนื่อง เกือบทั้งวัน ทำเอาชาวบ้านชาวช่องตกใจ เพราะนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เมื่อได้ฟังเพลงเหล่านี้แล้วมักจะมี "รถถัง" ออกมา "แอ่น แอ๊น"…
หลังจากเปิดเพลงปลุกเร้ามาเกือบทั้งวัน ก่อนหมดเวลาราชการ 16.00 น. เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) ก็ได้แจ้ง ให้สถานีวิทยุในเครือ ทบ. งดเปิดเพลงอันเป็น "สัญญลักษณ์" ดังกล่าว ด้วยเกรงจะทำให้สังคม นำไปตีความในทางที่ผิด แต่ในส่วนของ หน่วยทหาร ยังคงเปิดเหมือนเดิม เพราะต้องการให้กำลังพล ตระหนักในหน้าที่ และสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
